
สิ้นสุดการรอคอย สำหรับรถไฟความเร็วสูงสายแรกของอินโดนีเซีย “วูช”(Whoosh) ที่เปิดให้บริการแล้วเมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา ด้วยเงินสนับสนุนจากรัฐบาลจีน ภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางแห่งศตวรรษที่ 21 (BRI) โดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านขนส่งสาธารณะครั้งใหญ่ ที่มีมูลค่ากว่า 7,300 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) คาดว่าจะสามาถสร้างการกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังเมืองต่างๆ ตลอดเส้นทาง
โครงการรถไฟความเร็วสูงนี้ เริ่มก่อสร้างในปี 2561 ภายใต้บริษัท PT Kereta Cepat Indonesia China(PT KCIC) ซึ่งเป็นกิจกรรมร่วมค้าระหว่างรัฐบาลอินโดนีเซียและบริษัท China Railway International ของจีน
เดิมทีโครงการมีมูลค่าการลงทุนอยู่ที่ประมาณ 5.5 พันล้านดอลลาร์ และมีกำหนดเสร็จสิ้นในปี 2562 ซึ่งจะทำให้อินโดนีเซียเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีรถไฟความเร็วสูง แต่ปัญหาเกี่ยวกับการจัดหาที่ดิน และการแพร่ระบาดโควิด-19 ทำให้การก่อสร้างล่าช้า จนค่าใช้จ่ายบานปลาย ทำให้รัฐบาลอินโดนีเซียต้องใช้เงินจากกองทุนรัฐ เพื่อดำเนินโครงการก่อสร้างให้แล้วเสร็จตามเป้าหมาย โดยกินระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี
“วูช”(Whoosh) เป็นรถไฟความเร็วสูง ระยะการทาง 142 กิโลเมตร ประกอบด้วย 4 สถานี ที่เชื่อมจากเมืองหลวง กรุงจาการ์ตา ไปยัง บันดุง เมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็น ซิลิคอน วัลเลย์ แห่งอินโดนีเซีย ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกของเกาะชวา รถไฟความเร็วสูงสายนี้วิ่งด้วยความเร็ว 350 กิโลเมตรต่อชั่วโมง โดยสามารถร่นเวลาเดินทางจากกรุงจาการ์ตาไปยังเมืองบันดุง จาก 3 ชั่วโมงเหลือเพียง 45 นาที
แม้จะยังไม่มีการประกาศราคาค่าโดยสารอย่างเป็นทางการ แต่ในระหว่างพิธีเปิดตัวเมื่อวันจันทร์ Luhut Pandjaitan รัฐมนตรีประสานงานด้านกิจการทางทะเลและการลงทุนของอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า จะเปิดให้ประชาชนใช้งานได้ฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่ายตั้งแต่วันที่ 2 ตุลาคม จนถึงกลางเดือนนี้
โดยภายใน วูช (Whoosh) ประกอบด้วยที่นั่งทั้งสามประเภท ได้แก่ second-class first-class และ VIP ซึ่งแต่ละประเภทจะมีสิ่งอํานวยความสะดวกและบริการที่แตกต่างกันไป สำหรับที่นั่ง first-class และ second-class มีการคาดการณ์ว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 300,000 รูเปียห์ (710 บาท) และ 250,000 (590 บาท) รูเปียห์ ส่วนที่นั่งชั้น VIP คาดว่าราคาจะอยู่ที่ประมาณ 350,000 รูเปียห์ (830 บาท) ซึ่งราคาดังกล่าวได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากชาวอินโดนีเซียไม่น้อย ว่าราคาแพงเกินไปสำหรับคนในพื้นที่
นอกจากเมืองบันดุง จะเป็นที่รู้จักในฐานะ ซิลิคอน วัลเลย์ แห่งอินโดนีเซียแล้ว เมืองนี้ยังเป็น แหล่งท่องเที่ยวเชิงอาหาร(Culinary Tourism) ที่สำคัญอีกด้วย ด้วยปัจจัยข้างต้นทำให้บันดุงเต็มไปด้วยเหล่านักธุรกิจและนักท่องเที่ยว การสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมการเดินทางจากเมืองหลวงอย่าง จาการ์ตา คาดว่าจะสามารถเพิ่มจำนวนนักธุรกิจและนักท่องเที่ยวให้คับคั่งขึ้นไปอีก
โดยตัวแทนจาก PT Kereta Cepat Indonesia China (PT KCIC) กล่าวว่า วูช(Whoosh) จะสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ยิ่งใหญ่ โดยโรงแรมและห้างสรรพสินค้าจะถูกสร้างขึ้นระหว่างสถานีฮาลิม และ คาราวัง ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองหลวงจาการ์ตา ซึ่งจะกลายเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์แห่งใหม่
ในขณะที่ Piter Abdullah ผู้อำนวยการบริหารของสถาบันวิจัย Segara ในจาการ์ตา
แสดงความเห็นในทางตรงกันข้าม โดยกล่าวว่า การสร้างรถไฟความเร็วสูง ไม่ได้ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสําคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ ด้วยราคาค่าโดยสารที่แพง ผู้คนจะยังเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟความเร็วสูงจะกระตุ้นเศรษฐกิจ ก็ต่อเมื่อเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อจากเมืองหลวง จาการ์ตา ไปยัง สุราบายา เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศและเป็นเมืองหลวงของจังหวัดชวาตะวันออก ซึ่งห่างจากจาการ์ตาประมาณ 700 กิโลเมตร
อย่างไรก็ตามในอนาคต รัฐบาลอินโดนีเซีย มีแผนที่จะขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายนี้จาก บันดุง ไปยังเมืองใหญ่ต่างๆ เช่น เคอร์ตาจาติ, ยอกยาการตาร์, โซโล และเมืองสุราบายา
อ้างอิง