ถอดแนวคิด “พลอย พอลลี่” ปั้น “เจี้ยนชา” ให้โกอินเตอร์ ส่งธุรกิจใหม่ “ใจฉันสปา” เขย่าวงการ Wellness

Business & Marketing

Marketing & Trends

ชญานิษฐ์ เชื้อกสิการ (โฟม)

ชญานิษฐ์ เชื้อกสิการ (โฟม)

Tag

ถอดแนวคิด “พลอย พอลลี่” ปั้น “เจี้ยนชา” ให้โกอินเตอร์ ส่งธุรกิจใหม่ “ใจฉันสปา” เขย่าวงการ Wellness

Date Time: 23 ธ.ค. 2568 17:21 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

‘เจี้ยนชา’ รุกธุรกิจสปา ประเดิม ‘ใจฉันสปา’ สาขาแรก ตั้งเป้าขยาย 1,000 สาขา เติบโตผ่านโมเดลแฟรนไชส์ ปักหมุดพานวดไทยไปเวทีโลก


หลังจากที่ “JIAN CHA” (เจี้ยนชา) แบรนด์ชาผลไม้-ชานมสัญชาติไทย เจ้าของเมนูฮิตอย่าง ชาองุ่นปอกมือ ที่บริหารโดย “พลอย-พอลลี่ เฮสันต์” สร้างการเติบโตอย่างรวดเร็วท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดในตลาดเครื่องดื่ม พร้อมกับครองใจกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ได้อย่างเหนียวแน่น แม้จะดำเนินธุรกิจมาเพียงปีกว่าๆ แต่ปัจจุบันมีสาขาในไทยประมาณ 70 แห่ง 

และล่าสุดได้ประกาศความสำเร็จ ในการพาร้านชาขยายไปต่างประเทศ ประเดิม ‘ออสเตรเลีย’ 2 สาขา และ ‘สิงคโปร์’ อีก 1 สาขา พร้อมกับกางแผนปีหน้าไปต่อที่ ‘สเปน’ และ ‘สหรัฐอเมริกา’ ส่วนฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีแผนขยายทั้ง ‘ฟิลิปปินส์-มาเลเซีย-อินโดนีเซีย’ ตั้งเป้าใหญ่เปิดให้ครบ 1,000 สาขาทั่วโลกภายในปี 2573

“ตลาดต่างประเทศยังไม่เต็ม ที่อเมริกาเพิ่งมีแบรนด์ใหญ่ๆ เข้าไปไม่กี่สาขา เขาใช้เวลาอยู่กับแถบอาเซียนค่อนข้างเยอะ และเพิ่งขยายออกต่างประเทศราว 2-3 ปีหลังมานี้ ปีหน้าจะเจี้ยนชาจะมีที่ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย 3 ประเทศนี้น่าจะเปิดได้ประเทศละ 5 สาขาในปีหน้า แต่ปีถัดไปขยายได้เยอะแน่นอน เพราะเราไปในรูปแบบ Joint Venture และพาร์ทเนอร์เราค่อนข้างแข็งแรง ส่วนที่อเมริกาความนิยมในการกินชาอาจจะยังไม่เยอะมาก แต่มั่นใจว่า อนาคตจะเยอะขึ้นกว่านี้”

พอลลี่ ระบุว่า หัวใจสำคัญของการขยายสาขาตอนนี้ คือการไปต่างประเทศ นำแบรนด์ไทยขยายไปทั่วโลก ขณะที่ต่างชาติเข้ามาเจาะตลาดไทยอย่างเข้มข้น จะต่อสู้กับแบรนด์เหล่านั้นได้ต้องเห็นภาพเดียวกัน แบรนด์ไทยต้องออกไปเห็นโลกภายนอก นอกจากทำตลาดระดับ Local ต้องไป Global ด้วย เป็นเหตุผลที่ ดร.พอลลี่ มองไปถึงการนำธุรกิจเข้าตลาดหุ้นที่สหรัฐอเมริกา เพราะต้องการสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุน นำแบรนด์ไทยไปให้ทั่วโลกรู้จัก สร้างความแข็งแรงของแบรนดิ้งเพื่อดึงคนเก่งเข้ามาร่วมงานกับเจี้ยนชาด้วย

และจากความสำเร็จดังกล่าวทำให้ ‘พลอย-พอลลี่’ เล็งเห็นโอกาสในการขยายพอร์ตโฟลิโอธุรกิจเพื่อตอบโจทย์ธุรกิจอื่นที่นอกเหนือจาก F&B มากขึ้น นั่นคือ Wellness Lifestyle ล่าสุดได้ตัดสินใจเปิดร้านสปาพร้อมนวดไทย ในชื่อ ‘ใจฉันสปา’ (JAI CHAN SPA) ประเดิมสาขาแรก ณ ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่ 

พอลลี่ เฮสันต์ ผู้บริหารและผู้ก่อตั้ง “เจี้ยนชา” กล่าวว่า ตลาดนวดไทยทั่วโลกมีมูลค่ารวมกว่า 200,000 ล้านบาท ส่วนในไทยมีมูลค่ารวม 35,000 ล้านบาท ทั้งสองส่วนมีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยที่กลายเป็นหมุดหมายของต่างชาติทั่วโลก หากได้มาเยือนประเทศไทย ต้องมี ‘นวดไทย’ เป็น ‘Destination’  เนื่องจากชื่อเสียงเรื่องฝีมือการนวด รวมถึงราคาที่เข้าถึงและจับต้องได้ง่าย

โดยใจฉันสปา เปิดให้บริการเมื่อเดือนมิถุนายน 2568 ซึ่งที่ผ่านมากระแสตอบรับดีเกินคาด โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่กลายเป็นสัดส่วนหลักกว่า 80% ของกลุ่มลูกค้า ส่วนคนไทยอีก 20% ก็มีอัตรากลับมาใช้บริการซ้ำต่อเนื่องด้วย

“จุดเริ่มต้นที่ทำให้หันมาสนใจธุรกิจสปา มาจากความชอบส่วนตัวที่ชื่นชอบในการนวดไทยเพื่อผ่อนคลายอยู่แล้ว รวมถึงมองเห็นโอกาสในตลาดที่ยังไม่มีใครทำร้านนวดสปาในรูปแบบแฟรนไชส์ มีเอกลักษณ์โดดเด่นมาพร้อมกับเตียงสระผม ASMR ที่กำลังได้รับความนิยม ซึ่งธุรกิจสปายังสามารถสอดแทรกผลิตภัณฑ์สินค้าภายใต้แบรนด์ใจฉันสปา ผลิตจากวัตถุดิบสมุนไพรไทย อาทิ ขมิ้น ดินสอพอง ข้าวหอม ข้าวโอ๊ต ฯลฯ นอกจากประเทศไทยจะโด่งดังเรื่องชาแล้ว นวดไทยและสมุนไพรก็สื่อสารถึงความเป็นไทยได้เหมือนกัน ร้านนวดอาจจะมีหลายแห่งทั่วโลก แต่ยังไม่มีร้านนวดที่ขยายกิจการอย่างเป็นระบบด้วยมาตรฐานเดียวกัน”

จากจุดเริ่มต้นเพียง 6 เดือนเศษ "ใจฉัน" ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนใหม่ให้กับวงการ Wellness ไทย ด้วยการวางกลยุทธ์ที่ชัดเจนในการนำอัตลักษณ์ความไทยมาเจียระไนใหม่ให้ดูโมเดิร์น สะอาด และมีมาตรฐานระดับสากล โดยมีเป้าหมายใหญ่คือการสร้าง Holding ที่แข็งแกร่งร่วมกับแบรนด์ในเครืออย่าง Jian Cha เพื่อเตรียมความพร้อมในการก้าวเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ และสร้างมูลค่าธุรกิจผ่านแนวคิดการดูแลสุขภาพอย่างยั่งยืน

คอนเซปต์หลักของ "ใจฉัน" ไม่ใช่เพียงแค่ร้านนวดทั่วไป แต่คือแบรนด์ที่มุ่งเน้นเรื่อง Longevity หรือการทำอย่างไรให้ร่างกายและสมองมีอายุยืนยาว เนื่องจากเธอ มองเห็น Pain Point ในยุคปัจจุบันที่ผู้คนใช้สมองทำงานหนักตลอดเวลาแต่แทบไม่มีเวลาให้สมองได้พักผ่อนอย่างแท้จริง 

บริการของร้านจึงถูกออกแบบมาเพื่อบำบัดผ่าน รูป เสียง กลิ่น และสัมผัส โดยมีไฮไลต์สำคัญอย่าง สปาสระผม ASMR สไตล์ไทย ที่ครองพื้นที่บริการถึง 70% ของร้าน และเตียงนวดไทย 30% นำเสนอประสบการณ์ผ่อนคลายด้วยเตียงสระผมที่ใช้ร่วมกับเทคนิคการนวดและอุปกรณ์ไทยๆ อย่างหวีไม้กลัวซา ซึ่งแตกต่างจากสปาสไตล์เวียดนามทั่วไปที่เห็นในตลาด

“เราเริ่มวางโมเดลว่า คอนเซปต์ต้องเป็นแบบไหน โปรดักต์ในร้านต้องเป็นอะไรบ้าง ลงไปเรียนเอง ศึกษาเอง ผลิตภัณฑ์ทั้งหมดภายในร้านก็ไม่ได้ใช้ของที่อื่น ทำเป็นแบรนด์ใจฉันทั้งหมด ผลิตภัณฑ์ในร้านต่อยอดไปได้ ทั้งแชมพู ครีมนวด โฟมล้างหน้า สครับขัดหน้า มาส์กหน้า ครีมนวดหน้า ทุกอย่างมาจากคอนเซปต์สมุรไพรไทย สามารถนำมาต่อยอดขายบนแพลตฟอร์มออนไลน์หรือเข้าโมเดิร์นเทรดต่อได้ รวมถึงต่อยอดวางขายบนเว็บไซต์ Amazon ที่อเมริกาได้ด้วย เราไม่ได้ทำราคาแพงมาก อยากให้ทุกคนเข้าถึงราคาตรงนี้ได้”

หลังจากเปิดให้บริการมาแล้ว 6 เดือนเศษ พอลลี ระบุว่า กลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน อาหรับ และดูไบ ชื่นชอบและกลับมาใช้บริการซ้ำ เนื่องจากราคาค่าบริการนวดไทยที่ต่างประเทศค่อนข้างสูง เมื่อมีโอกาสมาเยือนประเทศไทย อาหาร บริการ Wellness และนวด จึงเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาติปักหมุด โดยลูกค้าส่วนใหญ่รู้จักร้านใจฉันสปาจากรีวิวบน Google Map บางส่วนมีโอกาสแวะมาที่ศูนย์การค้าสยามดิสคัฟเวอรี่แล้วสนใจใช้บริการ ด้วยคอนเซปต์ที่แตกต่าง และโปรแกรมที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ ‘ใจฉันสปา’ ได้รับการตอบรับที่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

ด้านเป้าหมายของ ‘ใจฉันสปา’ หลังจากนี้ ปี 69 มีแผนขยายในไทย 15-20 สาขา โดยเป็นร้านของแฟรนไชส์ทั้งหมด แต่สัดส่วนที่แบรนด์จะเปิดเองอยู่ที่ราวๆ 10% โดยมีขนาดร้านให้เลือกตั้งแต่ S M L และ XL ปัจจุบันเริ่มมีติดต่อเข้ามาสอบถามและอยู่ในขั้นตอนการพูดคุย 2-3 ราย จะเริ่มขยายในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลก่อน ส่วนต่างจังหวัดอาจเป็นเฟสถัดไปเมื่อมั่นใจในโมเดลนี้แล้ว ขณะที่ราคาแฟรนไชส์จะเท่ากันกับแบรนด์อื่นๆ ในเครือ เริ่มต้น 2.5 ล้านบาท ไม่รวมค่าตกแต่ง รวมอุปกรณ์ทั้งหมดในร้าน ระบบต่างๆ ไม่รวมวัตถุดิบล็อตแรก และรวมค่าเทรนนิ่ง

ส่วนเป้าหมายการพาไปต่างประเทศ อาจได้เห็น ‘ใจฉันสปา’ โดยเลือกจากประเทศที่ ‘เจี้ยนชา’ นำร่องเปิดสาขาก่อนแล้ว ทั้งออสเตรเลีย สิงคโปร์ หรืออเมริกา ในอนาคตอีก 5-7 ปีข้างหน้า วางแผนขยาย ‘ใจฉันสปา’ ให้ครบ 1,000 สาขา มองไว้ทั้งการเปิดในห้างสรรพสินค้า และรูปแบบร้านสแตนอโลน 

“อยากเป็นร้านนวดที่ทุกคนเข้าถึงได้ง่าย เน้นเรื่องความสะอาด กลิ่นในร้าน คอนเซปต์ร้าน โปรดักต์ และความสบายที่ลูกค้าได้รับกลับไป การทำเรื่องนี้แบบจริงจังดีมากต่อการพักผ่อนสมอง อย่างน้อย 1 ชั่วโมงได้ให้รางวัลตัวเองสักเดือนละครั้งกับการมาพักผ่อน แผนที่จะขายโปรดักต์ตอนนี้เรายังทำใช้ในร้านก่อน และพอสาขาเพิ่ม เราจะทำออกมาวางขายเหมือนกัน รวมทั้งในอนาคตจะทำครีมซองทางด้านนี้เพื่อเข้าไปอยู่ใน 7-11 ด้วยเช่นกัน” พอลลี่ กล่าว 

สำหรับแผนของ ‘เจี้ยนชา’ ในปีหน้า จะเป็นการติดสปีดธุรกิจในเครือ ทั้ง ‘เจี้ยนชา’ ‘Polly Atelier Tea’ และ ‘ใจฉันสปา’ ตั้งเป้าภายใน 5-7 ปีข้างหน้า ต้องมีแบรนด์ละ 1,000 สาขาทั่วโลก พร้อมกับตั้งเป้าหมายที่จะพาทุกแบรนด์ในเครือไปสู่ Global โดยการเข้าตลาด NASDAQ ภายใน 5-7 ปี 

ส่วนการปั้นแบรนด์อื่นเข้ามาเสริมพอร์ตโฟลิโอมีคิดไว้บ้าง เบื้องต้นมองหาธุรกิจร้านอาหารไทย ยังอยู่ในขั้นตอนการพูดคุยเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน โดย พอลลี่ ย้ำว่า ไม่มีแผนนำแบรนด์ต่างประเทศเข้ามาขยายในประเทศไทย เนื่องจากมองว่า คนไทยเก่ง มีความสามารถ ตนมีจุดยืนต้องการสนับสนุนคนไทยและนำแบรนด์ไทยไปสู่เวทีโลก หากทำได้จะมีเม็ดเงินไหลเข้าประเทศอีกเป็นจำนวนมาก ทำให้ต่างชาติเห็นว่า คนไทยก็ทำได้

จึงปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ "ใจฉันสปา" คือตัวอย่างของการนำ Soft Power ไทย (การนวดและสมุนไพร) มาเจียระไนใหม่ด้วยแนวคิดการตลาดสมัยใหม่ ที่เน้นมาตรฐาน ความสะอาด และนวัตกรรมการบริการที่ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ทั่วโลกอย่างแท้จริง

ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้  https://www.facebook.com/ThairathMoney