
ตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกายเติบโตจากเทรนด์สุขภาพที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
คอมมูนิตี้รักสุขภาพโตแรง ดันตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกายในประเทศไทยเติบโตต่อเนื่อง ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้มองชุดออกกำลังกายเป็นเพียง “เสื้อผ้าในยิม” อีกต่อไป แต่กลายเป็นไอเทมหลักของไลฟ์สไตล์ประจำวัน ทั้งการทำงาน ใช้ชีวิตในเมือง ไปจนถึงการท่องเที่ยว ส่งผลให้เทรนด์ “Athleisure Wear” หรือเสื้อผ้าที่ผสานฟังก์ชันการออกกำลังกายเข้ากับดีไซน์แฟชั่นขยายตัวอย่างชัดเจน
หนึ่งในแบรนด์ที่เข้ามาเกาะกระแสนี้อย่างจริงจังคือ “ORI” (โอริ) แบรนด์พรีเมี่ยมแอธลีเชอร์แวร์สัญชาติไทยที่วางกลยุทธ์เติบโตระยะยาว ประกาศตั้งเป้าขยายสาขารวม 10 สาขาภายใน 5 ปี โดยมุ่งเจาะกลุ่มคนเมืองเป็นหลัก พร้อมชูแนวคิดการสร้าง Community และ Retail Experience ที่แตกต่างจากร้านเสื้อผ้าออกกำลังกายทั่วไป
ปัจจุบัน ORI เปิดให้บริการแล้ว 2 สาขาในปี 2568 ได้แก่ สยามเซ็นเตอร์ ชั้น G และเซ็นทรัล พาร์ค ชั้น 2 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยทั้งสองสาขาถูกออกแบบให้เป็นมากกว่าพื้นที่ขายสินค้า แต่เป็นพื้นที่ที่ลูกค้าสามารถทำกิจกรรม ออกกำลังกาย และพบปะผู้คนที่มีไลฟ์สไตล์รักสุขภาพเหมือนกัน
อภิสิทธิ์ สิงห์สัจจเทศ Brand Creator ของ ORI ระบุว่า การเติบโตของตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกายมาจากเทรนด์การดูแลสุขภาพที่กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ผู้บริโภคจึงมองหาเสื้อผ้าที่ตอบโจทย์ทั้งฟังก์ชัน ความสบาย และดีไซน์ที่สามารถใส่ได้หลากหลายโอกาส แบรนด์จึงเลือกโฟกัสทำเลใจกลางเมือง และออกแบบร้านให้รองรับการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างประสบการณ์ร่วมและความผูกพันระยะยาวกับลูกค้า
กลยุทธ์สำคัญของ ORI คือ การสร้าง Community-Driven Brand ผ่านการจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เฉลี่ยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ทั้งในร้านและนอกสถานที่ร่วมกับพันธมิตรด้านสปอร์ตประกอบด้วย Studio, Sport Club, Spa, Wellness และ Instructor ชื่อดัง อาทิ CURVE, White Wood Green Spa, Pad Thai Padel, Limber studio, Pilalab, Tone lab, Form recovery and wellness, BefitwithJess เพื่อให้ลูกค้าได้ทดลองสวมใส่สินค้าในสถานการณ์จริง และเชื่อมโยงแบรนด์เข้ากับไลฟ์สไตล์สุขภาพอย่างแท้จริง
ในด้านสินค้า ORI ใช้เวลากว่า 2 ปีในการพัฒนาเนื้อผ้าผ่านการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคและนำเทคโนโลยีระดับโลกมาปรับใช้ ปัจจุบันแบ่งเนื้อผ้าออกเป็นหลายกลุ่มเพื่อตอบโจทย์กิจกรรมที่แตกต่าง ตั้งแต่โยคะ พิลาทิส ไปจนถึงการออกกำลังกายหนัก และการสวมใส่ในชีวิตประจำวัน พร้อมเตรียมเปิดตัวผ้าซิกเนเจอร์ใหม่เพิ่มเติมในปี 2569 โดยสามารถแบ่งเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่
1) ORI-FLY เนื้อผ้าเบาแต่กระชับเสมือนผิวชั้นที่สอง ผิวสัมผัสกึ่งเงาให้ลุคหรูหราขณะเคลื่อนไหว ซับเหงื่อ ระบายอากาศได้ดีเยี่ยม เหมาะกับกิจกรรมโยคะและพิลาทิส จนถึงออกกำลังกายทุกประเภท
2) ORI-FEEL เนื้อผ้าที่มอบสัมผัสเบาเหมือนปุยเมฆ ผิวสัมผัสที่นุ่มเหมือนจะละลาย ให้ความสบายแต่ยังคงช่วยพยุงสรีระ เหมาะสำหรับกิจกรรมเบาๆ เช่น นั่งสมาธิ โยคะ หรือฝึกการหายใจ
3) ORI-LUXE เนื้อผ้าพรีเมี่ยมที่ให้สัมผัสนุ่มอุ่นสบายแต่ไม่เทอะทะ ความหรูหราที่แนบไปกับผิวสัมผัสที่ทุกคนต้องหลงรัก เหมาะกับการสวมใส่ในทุกๆ กิจกรรมในชีวิตประจำวันหรือเป็นลุคในวันที่ท่องเที่ยวเดินทางไกล
สำหรับการนำเสนอผ้าซิกเนเจอร์เพิ่มเติมในปี 2569 ได้แก่
4) ORI-FORCE ออกแบบมาเพื่อรองรับการออกกำลังกายที่หนักแน่น ด้วยโครงสร้างเนื้อผ้าที่พยุงและบีบรัดกล้ามเนื้อแบบแน่นพิเศษ ให้ความกระชับ และยังคงมอบความคล่องตัว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหวให้ไปถึงจุดสูงสุดที่ผู้สวมใส่อยากจะเป็น
5) ORI-FIRM เนื้อผ้าผิวสัมผัสด้านที่กระชับเข้ารูปช่วยพยุงสรีระเสริมสร้างให้รูปร่างสวยงามกว่าเดิม มีความยืดหยุ่นของเนื้อผ้าทั้งสี่ทิศทาง ที่ช่วยให้เคลื่อนไหวได้ทุกท่วงท่าอย่างมั่นใจ เหมาะสำหรับบอดี้เวท เทรนนิ่งทุกระดับ
ภาพรวมกลยุทธ์ของ ORI สะท้อนทิศทางตลาดเสื้อผ้าออกกำลังกายในไทยที่กำลังเปลี่ยนจาก “สินค้า” ไปสู่ “ไลฟ์สไตล์” หลายแบรนด์หันมาสร้างประสบการณ์ สร้างคอมมูนิตี้ และเข้าใจชีวิตคนเมืองได้ลึกขึ้น เพราะกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยให้แบรนด์สามารถยืนระยะในตลาดพรีเมี่ยมแอธลีเชอร์แวร์ได้ต่อไป ท่ามกลางการแข่งกับเจ้าใหญ่ระดับโลกที่กำลังรุกตลาดไทยอย่างต่อเนื่อง
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -