2026 ปีแห่งจุดเปลี่ยน เม็ดเงินโฆษณาทรงตัว เปิด“สูตรเข้าถึงใจคน”เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่มาตรฐานสูงขึ้น

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

2026 ปีแห่งจุดเปลี่ยน เม็ดเงินโฆษณาทรงตัว เปิด“สูตรเข้าถึงใจคน”เมื่อผู้บริโภคยุคใหม่มาตรฐานสูงขึ้น

Date Time: 17 ธ.ค. 2568 12:18 น.

Video

Amazon ธุรกิจนี้เจ๋งยังไง ทำไมถึงเป็นหุ้นลูกรักของใครหลายคน ? | Digital Frontiers EP.48

Summary

MI GROUP คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาปี 2569 โต 0.64% อยู่ที่ 86,271 ล้านบาท

  • ผู้บริโภคยุคใหม่เน้นความคุ้มค่า พิสูจน์ได้ และความง่ายในการตัดสินใจ
  • แบรนด์ต้องปรับกลยุทธ์ให้สมดุล ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
  • ครีเอเตอร์มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นและกระตุ้นการซื้อ
  • การเชื่อมโยงประสบการณ์ออนไลน์และออฟไลน์เป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความผูกพัน

แม้ MI GROUP จะคาดการณ์ว่าเม็ดเงินโฆษณาในไทยปี 2569 จะอยู่ที่ 86,271 ล้านบาท เติบโตเพียง +0.64% ทรงตัวจากปี 2568 ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงในช่วงปลายปี อย่างไรก็ตามสิ่งที่เปลี่ยนแรงกว่าตัวเลขเม็ดเงิน คือ มาตรฐานใหม่ของผู้บริโภคที่กำลังยกระดับขึ้นพร้อมกันทั้งการใช้สื่อ เทคโนโลยี และการตัดสินใจซื้อ

ภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MI GROUP มองว่า ตัวเลขที่มองไม่เห็นในระบบ โดยเฉพาะงบดิจิทัลที่ SMEs ที่ทำการตลาดเอง รวมถึง Influencer Marketing กำลังขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญจนอาจดันเม็ดเงินโฆษณาจริงทั้งระบบแตะ 111,603 ล้านบาท

ผู้บริโภคปี 2569 ไม่ได้ถามว่า “เห็นหรือไม่” แต่ถามว่า “คุ้มไหม เชื่อได้ไหม และง่ายพอหรือยัง” วรินทร์ ทินประภา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเติบโต MI GROUP วิเคราะห์ว่า ปี 2569 คือจุดที่ พฤติกรรมผู้บริโภค-สื่อ-เทคโนโลยี เปลี่ยนพร้อมกัน ส่งผลให้แบรนด์ไม่สามารถใช้สูตรเดิมในการสื่อสารได้อีกต่อไป เพราะผู้บริโภคได้กำหนดมาตรฐานใหม่ไว้อย่างชัดเจน นักการตลาดจำเป็นต้องปรับกลยุทธ์อย่างรอบคอบและสมดุล

คุ้มค่า-พิสูจน์ได้-ไม่ซับซ้อน คือ มาตรฐานใหม่ของผู้บริโภค

ผู้บริโภคให้ความสำคัญกับ ความคุ้มค่าในภาพรวม มากกว่าการลดราคา พวกเขาคาดหวังว่าแบรนด์จะตอบคำถามได้ทันทีว่า “สินค้านี้แก้ปัญหาอะไรให้ฉัน และดีกว่าทางเลือกอื่นอย่างไร” Value จึงไม่ใช่แค่โปรโมชั่นหรือราคาถูก แต่รวมถึงคุณภาพ ประสบการณ์ และความสอดคล้องกับชีวิตจริง

ยุคที่แบรนด์พูดเองจบแล้ว ผู้บริโภคต้องการ หลักฐานที่พิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นรีวิวจริง คอนเทนต์จากครีเอเตอร์ หรือประสบการณ์ของผู้ใช้จริง เพราะความเชื่อใจกลายเป็นตัวแปรสำคัญของ Conversion มากกว่าการสร้างการรับรู้
นอกจากนี้ยุคนี้ผู้บริโภคไม่ได้ต้องการข้อมูลเยอะขึ้นอีกต่อไป แต่ต้องการการตัดสินใจที่ง่ายขึ้น แบรนด์ที่สื่อสารซับซ้อน ขั้นตอนเยอะ หรือหากมีขั้นตอนที่ไม่ลื่นไหลจะถูกตัดออกจากการพิจารณาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในยุคที่ AI กลายเป็นด่านแรกของการค้นหาและคัดกรองข้อมูล

ครีเอเตอร์ไม่ใช่แค่สื่อ แต่คือ “กลไกความเชื่อใจ”

MI GROUP ชี้ว่า บทบาทของสื่อกำลังเปลี่ยนจาก Awareness Engine ไปสู่ Decision Engine อย่างเต็มรูปแบบ
ยกตัวอย่าง วิดีโอ กลายเป็น Point of Sale AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยตัดสินใจแทนผู้บริโภค และทุกแพลตฟอร์มกำลังพัฒนาไปสู่ Commerce Platform การซื้อในปี 2569 จึงไม่ได้เกิดจากแพลตฟอร์มใดแพลตฟอร์มหนึ่ง แต่เกิดจาก Commerce Ecosystem ที่เชื่อม Platform + Content + Creator เข้าด้วยกันอย่างเป็นระบบ

มากไปกว่านั้นในระบบนิเวศนี้ ครีเอเตอร์และ KOL ทำหน้าที่มากกว่าการสร้างกระแส แต่เป็น Trust & Conversion Engine ที่เปลี่ยนความสนใจให้กลายเป็นความเชื่อมั่น และต่อยอดไปสู่การซื้อจริง โดยเฉพาะในตลาดที่ผู้บริโภคมีทางเลือกมากและเชื่อโฆษณาน้อยลง

นอกจากนี้หากต้องการชนะในระยะยาว ต้องเชื่อม Online Decision กับ Offline Connection แม้ AI จะเร่งให้การตัดสินใจเกิดเร็วขึ้น แต่มนุษย์ยังต้องการ ประสบการณ์จริงและความเป็นมนุษย์ เพื่อสร้างความผูกพันในระยะยาว แบรนด์ที่ได้เปรียบคือแบรนด์ที่ออกแบบ Journey ให้โลกออนไลน์และออฟไลน์เชื่อมต่อกันอย่างแนบเนียน

“แบรนด์ที่เติบโตในยุค AI ไม่ใช่แค่แบรนด์ที่เข้าใจผู้บริโภคหรือแพลตฟอร์มได้ดีที่สุด แต่ต้องเข้าใจทั้ง Commerce Ecosystem และเชื่อม Brand × Human × AI ให้ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ-AI ช่วยเร่งการตัดสินใจ มนุษย์สร้างความเชื่อใจ และแบรนด์ต้องออกแบบประสบการณ์ให้เป็นหนึ่งเดียว นี่คือหัวใจของความได้เปรียบและการเติบโตอย่างยั่งยืนในยุคมาตรฐานผู้บริโภคใหม่”





ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ