
โกลด์แมน แซคส์ ได้รับสิทธิ์เจรจาซื้อกิจการ Burger King ในญี่ปุ่นจาก Affinity Equity Partners
Goldman Sachs เตรียมเข้าซื้อกิจการ Burger King ในญี่ปุ่น จากกองทุนฮ่องกง Affinity Equity Partners ซึ่งเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ Burger King ในญี่ปุ่น โดยกองทุนได้ให้เอกสิทธิ์เฉพาะ Goldman Sachs ในการเจรจาดีลนี้แต่เพียงผู้เดียว คาดว่ามูลค่าการซื้อกิจการจะอยู่ที่ราว 70,000 ล้านเยน หรือประมาณ 14,700 ล้านบาท (อิงอัตราแลกเปลี่ยนวันที่ 17 พ.ย. 2025 ที่ 1 เยน = 0.20 บาท)
ตามรายงานของ Nikkei ระบุว่า Burger King อยู่ในช่วงขยายธุรกิจในญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และ Goldman Sachs จะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการเติบโต ด้วยความเชี่ยวชาญและการลงทุนในอุตสาหกรรมอาหารและบริการ
Burger King เปิดธุรกิจในญี่ปุ่นครั้งแรกช่วงทศวรรษ 1990 แต่ต้องถอนตัวออกเพราะผลประกอบการไม่ดี แม้จะกลับเข้ามาใหม่ภายใต้กลุ่ม Lotte ของเกาหลีใต้ ธุรกิจก็ยังไม่สามารถสร้างผลลัพธ์เชิงบวกได้อย่างยั่งยืน จนกระทั่ง Affinity Equity Partners เข้าซื้อกิจการในปี 2017 และเริ่มเร่งขยายสาขาอย่างจริงจัง
จากนั้นการขยายสาขาก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ภายใต้การบริหารจัดการของ BK Japan Holdings มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่า จาก 77 สาขาในปี 2019 มาอยู่ที่ราว 310 สาขา ณ สิ้นเดือนตุลาคมปีนี้ และพตั้งเป้าขยายสู่ 600 สาขาในปี 2028
ตลาดญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในตลาดฟาสต์ฟู้ดที่ใหญ่และแข่งขันสูงที่สุดในเอเชีย โดยมีผู้เล่นรายใหญ่เช่น McDonald's Japan และ MOS Burger ที่ครองตลาดมานาน การเติบโตของ Burger King ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สวนทางจากช่วงที่ธุรกิจเผชิญปัญหามายาวนานถือเป็นโอกาสในการสร้างฐานรายได้ระยะยาวในประเทศที่กำลังมีกำลังซื้อฟื้นตัว และผู้บริโภคให้ความสนใจเมนูระดับพรีเมียมมากขึ้น
แม้ดีลนี้จะเป็นการซื้อขายในระดับแฟรนไชส์ท้องถิ่น แต่บริษัทแม่ในสหรัฐอเมริกา Restaurant Brands International (RBI) ซึ่งเป็นผู้ถือแบรนด์ Burger King มักให้ความสำคัญพิเศษกับตลาดญี่ปุ่นในฐานะหนึ่งในตลาดที่มีไดนามิกสูงที่สุดของ Burger King นอกสหรัฐฯ
โดย RBI มักสนับสนุนการลงทุนของผู้ถือแฟรนไชส์รายใหญ่ เพื่อเร่งขยายสาขาในตลาดที่มีศักยภาพสูง ซึ่งสอดคล้องกับดีลของ Goldman Sachs ในครั้งนี้ นอกจากนี้ความสำเร็จในญี่ปุ่นยังช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นด้านแฟรนไชส์ทั่วภูมิภาค โดยเฉพาะในตลาดที่ Burger King ยังต้องการขยายธุรกิจ เช่น ไต้หวัน เกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่มาข้อมูล Nikkei Asia
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -