
กระทรวงอุตสาหกรรมส่งเสริมกัญชง กัญชา และกระท่อม เป็นอุตสาหกรรมใหม่ภายใต้ BCG Economy Model
นายภาสกร ชัยรัตน์ รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ ยุทธศาสตร์แห่งชาติ : การขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกัญชง กัญชาไทยสู่ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยย้ำว่า กระทรวงอุตสาหกรรมมุ่งผลักดัน พืชเศรษฐกิจใหม่ อย่าง กัญชง กัญชา และกระท่อม ให้เป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม New S-Curve ที่จะยกระดับเศรษฐกิจฐานรากสู่เศรษฐกิจมูลค่าสูง ภายใต้แนวทาง BCG Economy Model (Bio–Circular–Green Economy)
ทั้งนี้ การยกระดับมาตรฐานการผลิตให้เทียบเท่าสากล และการต่อยอดสู่อุตสาหกรรมมูลค่าสูง เช่น เส้นใยกัญชง วัสดุชีวภาพ และสารสกัดทางการแพทย์ จะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
นายภูมิใจ ขำภโต นายกสมาคมการค้าอุตสาหกรรมกัญชงไทย (TIHTA) กล่าวว่า งาน AIHEF 2025 เป็นเวทีสำคัญที่ตอกย้ำศักยภาพของประเทศไทยในการก้าวสู่ศูนย์กลางการผลิตและส่งออกกัญชง–กัญชาแห่งเอเชีย โดยมีเครือข่ายนักลงทุน ผู้ประกอบการ และภาครัฐจากกว่า 40 ประเทศเข้าร่วม
โดยตลาดกัญชง–กัญชาทั่วโลกในปี 2025 มีมูลค่ากว่า 39,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าจะเติบโตเป็นกว่า 250,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2033 หรือขยายตัวเฉลี่ยกว่า 30% ต่อปี ขณะที่ตลาดในประเทศไทยจะเติบโตจาก 1,700 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2025 สู่ 7,100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในปี 2030 หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 33% ต่อปี
นายภูมิใจ กล่าวอีกว่า มาตรฐานคือกุญแจสู่ตลาดโลก — TIHTA จึงให้ความสำคัญกับมาตรฐานการผลิตในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ GACP / GAP / GMP / Thailand Cannabis GACP เพื่อให้ผลิตภัณฑ์ของไทยมีคุณภาพระดับสากลและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ครบถ้วน
นายสมศักดิ์ กรีชัย รองอธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า กรมฯ มุ่งส่งเสริมการใช้กัญชง กัญชา และกระท่อมอย่างมีมาตรฐาน ปลอดภัย และสอดคล้องกับหลักการแพทย์แผนไทย เพื่อยกระดับคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
ด้าน นายภูริพันธ์ บุนนาค รองผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (สสปน.) กล่าว สสปน. สนับสนุนการจัดงาน AIHEF 2025 อย่างเต็มที่ เพื่อผลักดันไทยให้เป็น ศูนย์กลางนวัตกรรมกัญชง–กัญชาแห่งเอเชีย ตามแนวทาง Green Economy และ Sustainability
นายศักดิ์ชัย ภัทรปรีชากุล กรรมการบริหาร บริษัท เอ็น.ซี.ซี. เอ็กซิบิชั่น ออกาไนเซอร์ จำกัด (NEO) กล่าวว่า AIHEF 2025 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด Making New Waves เพื่อสร้างคลื่นลูกใหม่ให้แก่อุตสาหกรรมกัญชง กัญชา กระท่อมของไทยทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ พร้อมเปิดเวทีแห่งโอกาสให้นักลงทุนทั่วโลก ได้จับมือกับผู้ประกอบการไทยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวอย่างแท้จริง โดยงานจะจัดตั้งแต่วันนี้ถึง 7 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งคาดว่าสร้างเม็ดเงินสะพัดกว่า 1,000 ล้านบาท
รับรางวัลใหญ่ : บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร (HMPRO) คว้า 2 รางวัลเกียรติยศ ได้แก่ รางวัล OUTSTANDING CFO และรางวัล OUTSTANDING IR จากเวที IAA Awards for Listed Companies 2025 จัดโดยสมาคมนักวิเคราะห์การลงทุน (Investment Analysts Association: IAA) รางวัลอันทรงเกียรตินี้ สะท้อนถึงการยอมรับจากนักวิเคราะห์และผู้เชี่ยวชาญในตลาดทุนไทย ต่อวิสัยทัศน์การบริหารการเงินที่รอบคอบ โปร่งใส และคุณภาพการสื่อสารกับนักลงทุนที่ได้มาตรฐานระดับสากลของโฮมโปร
e-WorkPermit ง่ายขึ้น : นายชัยรัตน์ แสงจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) กิจการร่วมค้า ฟิวร์เจอร์สกาย กล่าวว่า หลังจากเปิดให้บริการลงทะเบียน เพื่อยื่นคำขอใบอนุญาตทำงานของคนต่างด้าวผ่านระบบ e-WorkPermit ตามโครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงาน ให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม 2568 จนถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 รวม 23 วัน พบว่า มีผู้เข้าใช้ระบบ e-WorkPermit แล้ว จำนวน 153,900 ราย
โดยแบ่งกลุ่มผู้ใช้ได้ดังนี้ คือ คนต่างด้าว 74,487 ราย นายจ้าง 65,941 ราย บริษัทนำเข้าคนต่างด้าวมาทำงานในประเทศ (บนจ.) 58 ราย ผู้ดำเนินการแทน 12,624 ราย หน่วยงานรัฐและมูลนิธิ 785 ราย นอกจากนี้ยังมีคนต่างด้าวที่แจ้งเข้าระบบโดยอัตโนมัติ และมีรายชื่อเข้าไปอยู่ในฐานข้อมูลของระบบ e-WorkPermit อีก 1,629,224 ราย ซึ่งถือว่า บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ในเบื้องต้น
เนื่องจาก e-WorkPermit เป็นโครงการใหม่ อีกทั้งยังเป็นโครงการเปลี่ยนผ่านจากการดำเนินการโดยภาครัฐมาสู่การทำงานของภาคเอกชน จึงจำเป็นต้องจัดทำระบบป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลที่เข้มงวด เพื่อความปลอดภัยในระดับสูงสุด ดังนั้นในช่วงแรกของการเปิดใช้ระบบ จึงอาจมีปัญหาอยู่บ้าง แต่จากการเฝ้าติดตาม และสังเกตการทำงาน ทั้งในส่วนของระบบและบุคลากรอย่างใกล้ชิด พบว่า เจ้าหน้าที่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับผู้ที่ใช้ ได้สำเร็จเกือบทั้งหมด
ส่วนผู้ที่ไม่สามารถดำเนินการผ่านระบบได้ ไม่ว่าเป็นเพราะยังไม่ได้ลงทะเบียนเพื่อใช้ระบบ e-Work Permit หรือเกิดจากข้อมูลไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ได้ให้คำแนะนำ รวมทั้งอำนวยความสะดวกจนเป็นที่พึงพอใจทุกราย และเพื่อให้การใช้งานได้สะดวกรวดเร็วขึ้น ฝ่ายพัฒนาระบบจึงได้พยายามปรับระบบให้มีความเป็นมิตรมากขึ้น แต่ก็ยังคงระมัดระวังเรื่องความปลอดภัยในข้อมูลของผู้ใช้งานอย่างเข้มข้นเช่นเดิม
ทั้งนี้ โครงการจ้างเหมาเอกชนผลิตใบอนุญาตทำงาน ให้บริการรับคำขอ และการแจ้งการทำงานของคนต่างด้าว (Outsourcing Service) ของกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ภายใต้ระบบ e-WorkPermit นี้ จะช่วยลดขั้นตอน และระยะเวลาดำเนินการ ทำให้การยื่นขอใบอนุญาตทำงานเป็นไปอย่างรวดเร็ว ถูกต้อง และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ระบบ e-work permit ยังรองรับการยืนยันอัตลักษณ์บุคคลด้วยการบันทึกลายนิ้วมือและสแกนม่านตา เพื่อสร้างความมั่นใจในความถูกต้องและโปร่งใสอีกด้วย
ดังนั้นจากเดิมที่ต้องใช้เวลาประมาณ 3 วัน แต่ระบบ e-WorkPermit จะช่วยลดเวลาลงเหลือเพียงไม่ถึงชั่วโมงกรณีเอกสารครบถ้วน โดยผู้ประกอบการและคนต่างด้าวสามารถยื่นคำขอผ่านช่องทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ผู้ขอรับใบอนุญาตได้รับความสะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมถึงยังช่วยลดต้นทุนในการติดต่อกับหน่วยงานภาครัฐในระยะยาว ตามที่ นายสมชาย มรกตศรีวรรณ อธิบดีกรมการจัดหางาน เคยกล่าวเอาไว้อีกด้วย