
เกาหลีใต้ถือเป็นหนึ่งในประเทศต้นแบบหรือ Role Model ที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกอุตสาหกรรมอาหารผ่านการตลาดเชิงวัฒนธรรมที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ ทั้งจาก K-POP, K-Drama และวัฒนธรรมร่วมสมัยที่ช่วยผลักดันอาหารเกาหลี “K-Food” ให้กลายเป็นวัฒนธรรมอาหารกระแสหลักระดับโลก
สำนักงานส่งเสริมการค้าและการลงทุนแห่งสาธารณรัฐเกาหลีประจำประเทศไทย (KOTRA Bangkok) เผย ยุทธศาสตร์ขับเคลื่อน “K-Food” สู่วัฒนธรรมอาหารกระแสหลักของโลก ชู “ไทย” เป็นตลาดยุทธศาสตร์สำคัญของภูมิภาคอาเซียน ทั้งในด้านการบริโภค ศักยภาพทางเศรษฐกิจ และโครงสร้างโลจิสติกส์ที่แข็งแกร่ง เตรียมจัดงานใหญ่แห่งปี “SEOUL FOOD in Bangkok 2025” ระหว่างวันที่ 26–28 พฤศจิกายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ คาดมูลค่าการค้าและการเจรจาธุรกิจในงานสูงกว่า 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,200 ล้านบาท
นายคิม ยงซอง ผู้อำนวยการสำนักงาน KOTRA กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นองค์กรรัฐภายใต้กระทรวงการค้า อุตสาหกรรม และพลังงานของเกาหลีใต้ กล่าวว่า อาหารเกาหลีในวันนี้ไม่ใช่เพียงอาหารแห่งชาติอีกต่อไป แต่ได้กลายเป็น “วัฒนธรรมอาหารสากล” ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก จากการผสานเอกลักษณ์ รสชาติ-สุขภาพ-วัฒนธรรม เข้าด้วยกัน
“ความสำเร็จของ K-Food เกิดจากการผนวกภูมิปัญญาดั้งเดิมกับนวัตกรรมร่วมสมัย เช่น การนำอาหารหมักดั้งเดิมที่อุดมด้วยโพรไบโอติกส์ มาพัฒนาเป็นอาหารสุขภาพและผลิตภัณฑ์พร้อมบริโภค และใช้พลังของ K-Culture ไม่ว่าจะเป็น K-POP, K-Drama หรือ Soft Power ด้านวัฒนธรรม ถ่ายทอดสู่ผู้บริโภคทั่วโลก”
สำหรับ KOTRA เป็นหน่วยงานภายใต้รัฐบาลเกาหลีใต้ทำหน้าที่สนับสนุนการขยายธุรกิจของผู้ประกอบการเกาหลี โดยเฉพาะธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมในต่างประเทศ ปัจจุบันมีสำนักงานอยู่ใน 85 ประเทศ รวมทั้งหมด 131 แห่งทั่วโลก โดยสำนักงานกรุงเทพฯ ถือเป็นหนึ่งที่ KOTRA ให้ความสำคัญ ทั้งด้านการค้าระหว่างประเทศ การวิจัยตลาด และการจับคู่ทางธุรกิจ (Business Matching) ระหว่างเกาหลีกับไทยโดยเฉพาะ
คิม ย้ำว่า ประเทศไทยเป็นตลาดที่สินค้าเกาหลีเข้าถึงได้มากที่สุดในอาเซียน ไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องสำอาง หรืออาหาร โดยสามารถพบสินค้าเกาหลีได้ในทุกช่องทางค้าปลีก ตั้งแต่ 7-Eleven, Gourmet Market, Tops ไปจนถึงห้างสรรพสินค้าระดับพรีเมียม
“ประเทศไทยมีความสำคัญในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมของอาเซียน อีกทั้งผู้บริโภคไทยมีความเปิดกว้างต่อวัฒนธรรมต่างชาติ โดยเฉพาะ K-Culture ที่ได้รับความนิยมสูง จึงเป็นตลาดที่เหมาะสมที่สุดในการต่อยอด K-Food ให้เติบโตในภูมิภาคนี้” คิม กล่าว
ข้อมูลจาก KOTRA กรุงเทพฯ และสมาคมการค้าระหว่างประเทศของเกาหลี ระบุว่า กลุ่มผู้บริโภคหลักของอาหารเกาหลีในไทยคือ วัยรุ่น วัยทำงาน และครอบครัวในเมืองใหญ่ ซึ่งมองว่าอาหารเกาหลีเป็นอาหารสุขภาพ ทันสมัย และเชื่อมโยงกับกระแสวัฒนธรรมโลก โดย 5 หมวดสินค้าหลักของ K-Food ที่เติบโตสูงสุดในไทยและอาเซียน ได้แก่
ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ก็ระบุว่าความต้องการอาหารเกาหลีในไทยเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกับอาหารญี่ปุ่นและจีน โดยจำนวนร้านอาหารเกาหลีในไทยล่าสุดมีมากกว่า 200 แห่ง โดยแฟรนไชส์ใหม่ ๆ จากเกาหลีเข้ามาเปิดอย่างต่อเนื่อง เช่น BHC Chicken และร้านอาหารเกาหลีแบบพรีเมียมอย่าง Solsot รวมถึงร้านอาหารไทยที่เริ่มเพิ่มเมนูอาหารเกาหลี ต่างช่วยขยายฐานผู้บริโภค K-Food อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้เมื่อมีการประเมินคู่แข่งที่แข็งแกร่งในประเทศไทย โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นและจีน ซึ่งเกาหลีถือเป็นผู้มาทีหลัง คิม ระบุว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของเกาหลีมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของ K-Food ในประเทศไทย จากกระแส K-Culture ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับอาหารเกาหลี นอกจากนี้การปรับตัวให้เข้ากับตลาดท้องถิ่นรวมถึงการมีแพลตฟอร์มทางธุรกิจที่หลากหลายจะทำให้ K-Food ยังคงมีความสามารถในการขยายตัวและแข่งขันต่อไปได้
คิม กล่าวว่าในภาพรวมของ “K-Content” ทั้งหมด เช่น K-Pop, K-Drama, K-Beauty, K-Food มีมูลค่าการส่งออกในปี 2024 อยู่ที่ประมาณ 1.52 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับ K-Food เพียงอย่างเดียวรัฐบาลเกาหลีได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการส่งออก K-Food ให้แตะ 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายใหญ่ของเราในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดยมีเป้าหมายในการเป็นสัญลักษณ์ของอาหารคุณภาพ สุขภาพ และมีความคิดสร้างสรรค์ ซึ่งจะขับเคลื่อนผ่าน 4 กลุ่มอุตสาหกรรมอาหารหลัก ได้แก่
“Seoul Food” ถือเป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้ จัดขึ้นตั้งแต่ปี 1983 และถือเป็นหนึ่งใน 4 งานแสดงอาหารระดับเอเชียที่สำคัญที่สุด โดยงาน “SEOUL FOOD in Bangkok 2025” ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่จัดขึ้นในต่างประเทศ โดยประเทศไทยได้รับเลือกเป็นเจ้าภาพอย่างต่อเนื่องสะท้อนบทบาทของไทยในฐานะ “ตลาดยุทธศาสตร์และศูนย์กลางการเชื่อมต่อเศรษฐกิจเกาหลี-อาเซียน”
คิม กล่าวว่า การสนับสนุนอาหารเกาหลีในต่างประเทศถือเป็นโจทย์ใหญ่ของรัฐบาลเกาหลี และ‘งานแสดงสินค้า’ ถือเป็นเครื่องมือหลักในการโปรโมต โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย เพราะเข้าถึงผู้บริโภคได้ดีที่สุด นอกจากนี้รัฐบาลยังช่วยเหลือในการจัดตั้งบริษัทในต่างประเทศ ให้คำปรึกษาด้านกฎหมายและข้อบังคับในแต่ละประเทศ พร้อมกับจัดงานแสดงสินค้าเพื่อเชื่อมโยงกับนักลงทุนและคู่ค้าท้องถิ่น
ภายในงานปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “K-Food Innovation: Smart, Healthy & Sustainable นวัตกรรมอาหารแห่งอนาคตเพื่อสุขภาพและความยั่งยืนของโลก” ประกอบด้วย 3 โซนหลัก ได้แก่
Trade & Business Zone การแสดงสินค้า เจรจาธุรกิจ และจับคู่ผู้ซื้อกับผู้ผลิตจากเกาหลี กว่า 150 แบรนด์ และกว่า 1,400 ผลิตภัณฑ์
“งาน SEOUL FOOD in Bangkok ไม่ได้เป็นเพียงเวทีแสดงสินค้า แต่คือ กลไกสำคัญในการสร้างระบบนิเวศ K-Food ในอาเซียน รวมถึงส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนวัตกรรม เทคโนโลยี และวัฒนธรรมอาหารระหว่างไทย-เกาหลีด้วยเช่นกัน” คิม กล่าวทิ้งท้าย