
Kering กลุ่มลักชัวรีแบรนด์ยักษ์ใหญ่เจ้าของแบรนด์ Gucci, Balenciaga และ Bottega Veneta ประกาศจับมือกับ L’Oréal Groupe ผู้นำระดับโลกด้านความงามและเครื่องสำอาง สร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ระยะยาวในธุรกิจ “ความงามและสุขภาพ” (Luxury Beauty & Wellness) ภายใต้ดีลมูลค่ารวม 4 พันล้านยูโรหรือประมาณ 4.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับเป็นการปรับโครงสร้างครั้งสำคัญของ Luca de Meo ซีอีโอคนใหม่ของ Kering ที่ต้องการลดภาระหนี้และหันกลับมาโฟกัสธุรกิจแฟชั่นซึ่งเป็นหัวใจหลักของกลุ่ม
ข้อตกลงนี้ครอบคลุมการที่ L’Oréal จะเข้าซื้อกิจการ House of Creed แบรนด์น้ำหอมระดับตำนานที่ Kering ซื้อมาเมื่อปี 2023 ด้วยมูลค่า 3.5 พันล้านยูโร พร้อมได้รับสิทธิ์การบริหารจัดการแบรนด์ความงามและน้ำหอมของแบรนด์ในเครือ Kering ได้แก่ Gucc Beauty, Bottega Veneta และ Balenciaga Beauty โดยใบอนุญาตสำหรับ Gucci จะเริ่มมีผลหลังจากสัญญาปัจจุบันกับ Coty สิ้นสุดลง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะเป็นในปี 2028
ความร่วมมือครั้งนี้ต่อยอดจากความสำเร็จของ Yves Saint Laurent Beauté และสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันยาวนานระหว่างสองผู้นำระดับโลก จากความเชี่ยวชาญด้านความงามระดับโลกของ L’Oréal เพื่อเร่งการเติบโตและสร้างมูลค่าในหมวดหมู่สินค้าความงามระดับพรีเมียมที่มีศักยภาพสูง
Luca de Meo ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Kering กล่าวว่า นี่เป็นก้าวสำคัญเชิงกลยุทธ์ของ Kering การร่วมมือกับผู้นำระดับโลกในธุรกิจความงามจะช่วยเร่งการเติบโตของผลิตภัณฑ์น้ำหอมและเครื่องสำอางของแบรนด์หลักของเราให้สามารถเติบโตต่อได้เหมือนที่ Yves Saint Laurent Beauté เคยประสบความสำเร็จภายใต้การบริหารของ L’Oréal
นอกจากนี้ทั้งสองบริษัทยังประกาศจัดตั้งบริษัทร่วมทุนแบบ 50/50 เพื่อสำรวจโอกาสใหม่ๆ ในตลาด “Luxury Wellness & Longevity” ที่ผสานระหว่างความงาม สุขภาพ และไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรี โดยอาศัยความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมของ L’Oréal และความเข้าใจเชิงลึกในกลุ่มลูกค้าพรีเมียมของ Kering
ด้าน Nicolas Hieronimus ซีอีโอของ L’Oréal Groupe ระบุว่า ดีลนี้ถือเป็นการเข้าซื้อกิจการครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ L’Oréal ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่าการซื้อแบรนด์ Aesop เมื่อปี 2023 (มูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ)
“เรารู้สึกเป็นเกียรติที่ได้สร้างพันธมิตรระยะยาวกับหนึ่งในกลุ่มลักชัวรีที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลก ดีลนี้จะยกระดับตำแหน่งของเราในฐานะผู้นำระดับโลกในตลาดความงามลักชัวรี และเปิดทางสู่ธุรกิจ wellness ร่วมกัน” พร้อมเสริมว่า “การได้แบรนด์อย่าง Creed, Gucci, Bottega Veneta และ Balenciaga เข้ามาในพอร์ตจะช่วยขยายฐานตลาดและสร้างพลังใหม่ให้กับธุรกิจน้ำหอมระดับไฮเอนด์ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก”
นับตั้งแต่ปี 2008 L’Oréal เคยเข้าซื้อสิทธิ์การผลิตน้ำหอมของ Yves Saint Laurent จาก Kering ด้วยมูลค่า 1.15 พันล้านยูโรซึ่งพิสูจน์ให้เห็นถึงความสำเร็จของการจับมือกันระหว่างสองกลุ่มธุรกิจยักษ์ใหญ่
การขายกิจการครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญของ Kering ในการลดหนี้สุทธิ ซึ่งอยู่ที่ 9.5 พันล้านยูโร ณ สิ้นเดือนมิถุนายนที่ผ่านมายังไม่รวมภาระหนี้จากสัญญาเช่าระยะยาวอีก 6 พันล้านยูโร ซึ่งเป็นหนึ่งในประเด็นที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุน เพราะ Kering ยังประสบปัญหาในการพลิกฟื้นการเติบโตของ Gucci ซึ่งเป็นแบรนด์หลักที่สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้กับกลุ่ม หลังยอดขายในตลาดจีน ตลาดสำคัญของแบรนด์ยังคงชะลอตัว
มูลค่ารวมของข้อตกลงนี้ที่ 4 พันล้านยูโรหรือประมาณ 4.66 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ จะถูกชำระเป็นเงินสดเมื่อปิดดีล และคาดว่าจะเกิดขึ้นในครึ่งปีแรกของปี 2026 ทั้งนี้ L’Oréal จะจ่ายค่าลิขสิทธิ์ให้กับ Kering สำหรับการใช้แบรนด์ภายใต้ใบอนุญาตดังกล่าวและเพื่อประสานความร่วมมืออย่างใกล้ชิด โดยทั้งสองฝ่ายจะจัดตั้งคณะกรรมการเชิงกลยุทธ์ขึ้นเพื่อกำกับการทำงานระหว่างแบรนด์ของ Kering และ L’Oréal และติดตามความคืบหน้าของพันธมิตรครั้งนี้
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -