
บมจ.อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ (ILM) เปิดยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนธุรกิจครั้งใหญ่รอบหลายปี รุกขยายขอบเขตสร้างสรรค์คุณค่าใหม่สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน เดินเกม Business Diversification ต่อเนื่อง สู่อาณาจักรค้าปลีกโมเดลใหม่กับแบรนด์ดังระดับโลก “Flying Tiger Copenhagen” คว้าสิทธิ์แฟรนไชส์ในไทยเพียงรายเดียว
กางแผน 3 ปี ปูพรม 30 สาขาทั่วประเทศ ทุ่มงบกว่า 200 ล้านบาท เพื่อมอบประสบการณ์ช้อปปิ้งสินค้าวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ Scandinavian design ประเดิมแห่งแรกที่ศูนย์การค้าเอ็มสเฟียร์ (ชั้น 2) รวมไอเทม สินค้าทั้งหมด 14 กลุ่ม ด้วยดีไซน์โดดเด่นมีสไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ พร้อมสีสัน ความสนุก สุดครีเอทีฟที่ไม่ซ้ำใคร สามารถใช้งานได้จริง ในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย เริ่มต้นราคา 35 บาท วางเป้าหมาย 3 ปี ทำรายได้แตะ 800 ล้านบาท ภายในปี 2570
กฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM ผู้นำธุรกิจร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้านและของตกแต่งบ้าน เปิดเผยว่า อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ “INDEX NEXTPERIENCE & BEYOND + SUSTAINABLE FUTURE” ตามที่ได้วางนโยบายกรอบแผนงาน 3 ปี (2567-2569) ยึดแนวคิด Triple Bottom Line สูตร 3 P ‘Performance –People –Planet’ เพื่อสร้างการเติบโตทำธุรกิจอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่ “Beyond Core Business” การเดินหน้าขยายขอบเขตจากผู้นำธุรกิจ Living Lifestyle Mall ด้วยการสร้างสรรค์คุณค่าใหม่ๆ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างยั่งยืน
ท่ามกลางสถานการณ์โลกที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย รวมทั้งปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งความต้องการของผู้บริโภคและภูมิทัศน์ทางธุรกิจ โดยบริษัทฯ ยังคงเดินหน้าต่อยอด Business Diversification ที่ยัง Synergy กับธุรกิจหลัก เพื่อสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตโฟลิโอสู่การเติบโตที่แข็งแกร่ง
บริษัทฯ ได้พลิกโฉมประสบการณ์การช้อปปิ้งที่หลากหลายและเต็มไปด้วยแรงบันดาลใจกับ “Flying Tiger Copenhagen” (ฟลายอิ้ง ไทเกอร์ โคเปนเฮเกน) แบรนด์ดังระดับโลกจากประเทศเดนมาร์ก ที่เริ่มต้นแบรนด์ด้วยแนวคิดที่เรียบง่าย จนกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เปลี่ยนวิธีการช้อปปิ้งของใครหลายคน และสามารถครองใจผู้คนทั่วโลก โดยครอบคลุมในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชีย รวม 41 ประเทศ มากกว่า 1,000 สาขาทั่วโลก
และล่าสุดขยายสาขาในประเทศไทย (โดยอินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ในไทยเพียงรายเดียว) ทั้งนี้เพื่อตอบรับความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการขยายฐานลูกค้าในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งปัจจุบันฐานลูกค้าของ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ Gen Z โดยเฉลี่ยมีสัดส่วน 10% และกลุ่ม Gen X-Y สัดส่วนอยู่ที่ 80%
การช้อปสินค้าวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ นักช้อปเริ่มมองหา "ความสุขเล็กๆ" และของขวัญเพื่อเติมเต็มชีวิตมากขึ้นนับตั้งแต่ช่วงหลังจากวิกฤตโควิดเป็นต้นมา อีกทั้งยังพบว่าพฤติกรรมผู้บริโภคและกำลังซื้อ (สินค้า Variety & Lifestyle) มีสัดส่วนที่น่าสนใจเลยทีเดียว (อ้างอิงข้อมูลจาก : Euromonitor, Statista, NielsenIQ, Market Estimates (2024) ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับตลาดร้านค้าปลีกกลุ่มของขวัญและสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีมูลค่าสูงกว่า 30,300 ล้านบาทในปี 2567 และเติบโตอย่างรวดเร็วถึง 7% จากปีที่ผ่านมา
ตอกย้ำว่ากำลังซื้อสินค้าประเภทนี้เติบโตโดดเด่นในเมืองใหญ่ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา รวมถึงร้านค้าแฟรนไชส์ ไลฟ์สไตล์ที่เติบโตสูงสุดถึง 66.7% ทำให้เห็นถึงความต้องการที่ชัดเจนของตลาด อีกทั้งด้วยการวางตำแหน่งของ Flying Tiger Copenhagen ในราคาจับต้องได้กับดีไซน์พรีเมียมไม่ซ้ำใคร จึงเป็นโอกาสในการขยายตลาดค้าปลีก รวมทั้งช่องว่างสินค้าที่มีความยูนีคสไตล์เดนิช
ปัจจุบัน Insight ผู้บริโภคโดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z มีความชื่นชอบและให้คุณค่ากับสินค้าไลฟ์สไตล์ที่มีความสนุกสนาน แปลกใหม่เน้นดีไซน์ที่สร้างประสบการณ์ที่แตกต่าง ซึ่งจากผลสำรวจแนวโน้มการเลือกช้อปจะพบว่า การมาเลือกช้อปสินค้า ไลฟ์สไตล์ ราว 70% เข้ามาในร้านเพื่อมองหา ‘อะไรใหม่ๆ’ หรือ ‘สินค้าที่คาดไม่ถึง’ และอีก 50% จะเลือกช้อปของขวัญชิ้นเล็กๆ หรือของ ที่ระลึก และ 45% มองหาสินค้าที่ทำให้ชีวิตประจำวันสนุกมากขึ้น
โดยการช้อปของกลุ่ม Gen Z (อายุ 15-25 ปี) จะเลือกสินค้าที่สนุก แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร เน้นให้รางวัลกับตัวเอง ใช้จ่ายเฉลี่ย 200-350 บาทต่อครั้ง, กลุ่มวัยทำงาน (Young Professionals - อายุ 25-35 ปี) เน้นเลือกของแต่งบ้าน, ของขวัญ, และของใช้ไลฟ์สไตล์อื่นๆ จะใช้จ่ายเฉลี่ย 400-700 บาทต่อครั้ง ส่วนกลุ่มครอบครัวมีเด็ก (อายุ 30-45 ปี) เน้นของเล่น, ของใช้สำหรับจัดปาร์ตี้, และของตกแต่งตามเทศกาล ใช้จ่ายเฉลี่ย 500-1,000 บาทต่อครั้ง
ขณะที่ปัจจัยในการตัดสินใจซื้อสินค้าในชีวิตประจำวัน เพื่อเติมเต็มให้ชีวิต Feel-Good สนุก มีสีสัน เพื่อให้ทุกวันมีความหมายมากขึ้น สอดคล้องกับ DNA แบรนด์ Flying Tiger Copenhagen ที่แทรกไอเดียและแนวคิดสร้างสรรค์ในทุกๆ ไอเทม และยังเข้ากับวัฒนธรรมไทยได้อย่างลงตัว (Perfect Cultural Fit) ทั้งด้านฟังก์ชัน การใช้งานในชีวิตประจำวัน
บริษัทฯ วางแผนการขยายสาขา 3 ปี (2568-2570) โดยวางงบลงทุน 200 ล้านบาท เปิด “Flying Tiger Copenhagen” ปูพรม 30 สาขาทั่วประเทศ โดยมองเป้าหมายไปที่ศูนย์การค้าชั้นนำ และ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ในรูปแบบ shop in shop ขนาดพื้นที่ 150–250 ตร.ม. ประเดิมให้ช้อปสาขาแรกที่ศูนย์การค้า 'เอ็มสเฟียร์' ย่านใจกลางเมืองเชื่อมต่อกับย่านธุรกิจและแหล่งช้อปปิ้งอื่น ๆ ได้ง่าย เช่น สยาม สีลม และอโศก มีกำลังซื้อสูงจากกลุ่มคนทำงานเป็นไพร์มแอเรีย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ด้วยขนาดพื้นที่ 160 ตร.ม. และภายในปีนี้เตรียมพบกับอีก 5 สาขา ได้แก่ ILM สาขาพัทยา และเตรียมขยายไปห้างสรรพสินค้าที่มีทราฟฟิกสูง ได้แก่ แฟชันไอส์แลนด์, ซีคอนสแควร์, แพลทินัม แฟชันมอลล์ และ เดอะมอลล์ บางกะปิ
Flying Tiger Copenhagen เปิดประสบการณ์ช้อปให้กับทุก Gen มากกว่า 1,700 SKU (รายการ) รวม 14 กลุ่มสินค้า เช่น แกดเจ็ต เกมส์ ของใช้ในบ้าน และเครื่องครัว ไอเทมสำหรับงานอดิเรก สำหรับกิจกรรมยามว่าง เครื่องเขียน อุปกรณ์จัดงานเลี้ยงและปาร์ตี้ ของเล่นเด็ก อุปกรณ์สื่อสาร อุปกรณ์สำนักงาน ของขวัญและสินค้าตามเทศกาล ฯลฯ เพื่อให้ทุกคนค้นพบแรงบันดาลใจที่ไม่สิ้นสุด
ซึ่งจุดเด่นและความพิเศษของสินค้าคือ ดีไซน์มาเป็นพิเศษและไม่สามารถหาได้จากที่อื่น ซึ่งจะดึงดูดให้ลูกค้ามาเลือกช้อปได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังผสานด้านความยั่งยืน เช่น ใช้ส่วนประกอบของสินค้าที่แยกออกจากกันได้ง่าย, ส่งเสริมการใช้วัสดุรีไซเคิล, สินค้าที่ทำจากไม้หรือกระดาษจะเลือกใช้วัสดุที่ทำจากไม้หรือเยื่อไม้ที่มาจากป่าไม้โดยได้รับการรับรอง FSC และส่งเสริมการใช้ชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมให้กับลูกค้า เช่น เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่นำกลับมาใช้ใหม่ จึงตอบโจทย์นักช้อปทุกไลฟ์สไตล์ เริ่มต้นความสุขง่ายๆ เพียง 35 บาท ไปจนถึง 500 บาท
สัมผัสกับก้าวแรกสู่การผจญภัยที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจกับ Flying Tiger Copenhagen ที่ออกแบบจากแนวเน้นความเรียบง่ายตามปรัชญา Scandinavian design ดูโปร่งโล่ง สบายตา ด้วยโทนสีเนื้อไม้ ผนังสีขาว และใช้ไฟวอร์มไวท์ การจัดวางที่ดูสะอาดตาเพื่อให้สินค้าที่มีสีสันสดใสและดีไซน์แปลกใหม่โดดเด่นและเพิ่มประสบการณ์ช้อปในรูปแบบ “Maze” (เมซ) ซึ่งวางผังของร้านให้เข้าออกทางเดียว เพื่อให้ลูกค้าได้สำรวจสินค้าทุกพื้นที่และทุกไอเทมภายในร้านอย่างครบถ้วน พร้อมกับสร้างแรงบันดาลใจในการค้นหาไอเทมที่สร้างสรรค์มี Story Telling หรือของตกแต่งที่มีเรื่องราวของเดนิชอย่างแท้จริง ท่ามกลางบรรยากาศของร้านและเสียงเพลงเบาๆ เพื่อให้ทุกคนเพลิดเพลินกับการค้นหาสินค้าที่คาดไม่ถึง และได้พบแรงบันดาลใจใหม่ๆ กลับไป
“การแตกไลน์แบรนด์ใหม่ Flying Tiger Copenhagen ไม่เพียงเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดค้าปลีกในไทย แต่ยังสร้างสีสันความหลากหลายและขยายตลาดให้กับธุรกิจค้าปลีกสินค้าวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ให้ใหญ่ขึ้น เรามองเห็นช่องว่างในตลาดที่ผู้บริโภคกำลังมองหาสินค้าที่เข้าถึงได้ง่าย และนี่คือจังหวะสำคัญที่เราจะเข้าไปเติมเต็มไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ด้วยการขยายอาณาจักรค้าปลีกใหม่ในเซกเมนต์ใหม่จากที่เป็นผู้นำธุรกิจ Living lifestyle mall ร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ของใช้ภายในบ้านและของตกแต่งบ้าน
ซึ่งด้วยศักยภาพและกลยุทธ์ Flying Tiger Copenhagen ที่มีความเด่นชัดด้านไอเดียสินค้าที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ มีความสนุก ความคุ้มค่า และประสบการณ์ที่เหนือกว่าการช้อปปิ้งทั่วไป จึงไม่ไช่เรื่องยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจของคนไทย และมาสร้างความสุขเล็กๆ เติมเต็มความหมายให้ในทุกๆ วัน ในราคาที่ไม่แพง เชื่อมั่นว่า Flying Tiger Copenhagen จะเป็นหมุดหมายแห่งการช้อปสินค้าวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ของลูกค้าทุกGen โดยวางเป้าหมาย 3 ปี Flying Tiger Copenhagen ทำรายได้ 800 ล้านบาท
Martin Jermiin ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Zebra A/S ผู้ดำเนินธุรกิจค้าปลีกไลฟ์สไตล์ Flying Tiger Copenhagen กล่าวว่า “Flying Tiger Copenhagen” เป็นร้านค้าปลีกวาไรตี้และไลฟ์สไตล์สัญชาติเดนมาร์ก ภายใต้แนวคิดของแบรนด์ “หรูหราที่จับต้องได้” (Affordable Luxury) โดยมุ่งเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์ที่ดีเต็มเปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และสินค้าที่มีดีไซน์ในราคาที่เข้าถึงได้ให้กับลูกค้าทั่วโลก ซึ่งวางแผนสร้างการเติบโตด้วยโมเดลแฟรนไชส์ เพื่อขยายสาขาสู่ประเทศต่างๆ ทั่วโลก
ซึ่งไม่เพียงเฉพาะในทวีปยุโรปเท่านั้น ยังรวมถึงตะวันออกกลางโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียอย่างต่อเนื่อง และประเทศไทยเป็นเป้าหมายที่เรามองเห็นศักยภาพ และมุ่งมั่นที่จะเข้ามาทำตลาดและขยายธุรกิจอย่างยาวนาน จากการมองเห็นโอกาสจากหลายปัจจัย ทั้งธุรกิจร้านค้าปลีกวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ที่มีแนวโน้มการเติบโตสูง กำลังซื้อที่เพิ่มขึ้น การขยายตัวของเมือง การเข้าถึงเทคโนโลยี และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปที่ให้ความสำคัญกับประสบการณ์และสินค้าที่มีดีไซน์แปลกใหม่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร ที่จะมาช่วยเติมเต็มความสุขให้กับทุกคน และด้วยความตื่นเต้นยินดีและความเชื่อมั่นอย่างยิ่งที่เราจึงได้ก้าวไปอีกขั้นร่วมกับ Index Living Mall ในครั้งนี้
สำหรับความร่วมมือทางธุรกิจระหว่าง Flying Tiger Copenhagen กับ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) ถือเป็นเป้าหมายแผนขยายการเติบโตของแบรนด์ที่จะสร้างความแข็งแกร่งของแบรนด์ให้ทั่วภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ซึ่งประเทศไทยไม่ได้เป็นเพียงอีกหนึ่งตลาดสำหรับเรา แต่เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญในการเติบโต บริษัทฯ พร้อมที่จะนำเสนอสินค้าไอเดียใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการและรับกับวัฒนธรรมของคนไทย ด้วยไอเทมที่สนุกและสร้างสรรค์ และประสบการณ์ช้อปด้วยสินค้าวาไรตี้และไลฟ์สไตล์ในสไตล์เดนิชที่แรกในไทย
ทำให้เรารู้สึกตื่นเต้นและยินดีอย่างยิ่งที่ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น ซึ่งยอดเยี่ยมเหนือความคาดหมาย ตั้งแต่วันแรกที่เปิดสาขาที่กรุงเทพฯ สร้างความเชื่อมั่นอย่างยิ่งให้กับเราสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และในฐานะที่ อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ มีประสบการณ์และความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ และของตกแต่งบ้าน เกี่ยวกับสินค้าไลฟ์สไตล์เรื่องบ้าน
รวมทั้งมีธุรกิจค้าปลีกในเครือ ซึ่งถือว่ามีความเข้าใจในพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างลึกซึ้ง จึงทำให้มั่นใจได้ว่าจะสามารถขยายตลาดและสร้างการเติบโตทางธุรกิจร่วมกันได้ และจะเข้ามาเปลี่ยนการช้อปและการใช้ชีวิตของหลายคนให้สนุก และสร้างสรรค์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ภายใต้แบรนด์ ‘Flying Tiger Copenhagen’
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney