
นายจักรกฤษณ์ จตุปัญญาโชติกุล รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายการตลาด, ประชาสัมพันธ์ และกิจกรรมเพื่อสังคม บริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล แม้เศรษฐกิจไทยยังชะลอตัว และกำลังซื้อของประชาชนมีแรงกดดัน แต่ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภค หรือ FMCG กลับโตแกร่งขึ้น 5.2% เกินคาด สะท้อนความแข็งแกร่งของคนไทยในการปรับตัวและหาโอกาสใหม่ๆ แม้สถานการณ์จะไม่เอื้ออำนวย โดยขนมขบเคี้ยวเด่นสุดโต 8.9% ตามด้วยเครื่องสำอาง 7.7% เครื่องดื่ม 7.5% เครื่องปรุง 6.3% อาหารแห้ง 5.3% และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด 4.1%
"ปัจจัยลบเยอะมาก แต่คนไทยยังคงซื้อของจำเป็นใช้ เลยทำให้ตลาดยังโตได้ ซึ่งท็อปส์ หนึ่งในผู้นำตลาดค้าปลีก ได้ปรับกลยุทธ์รับมือยุคใหม่ ด้วยการขับเคลื่อน Omni-Channel เชื่อมทุกช่องทางให้ลูกค้าช็อปได้ทุกที่ทุกเวลาอาทิ TOPS ONLINE, Quick Commerce หรือ Personal Shopper ที่มีพนักงานคอยช่วยเลือกของให้ ล่าสุดยังเอา AI มาช่วยด้วย Chef Bot ให้ผู้บริโภคกลุ่มวัยผู้ใหญ่อย่าง Baby Boomer และ Gen X เริ่มหันมาซื้อของออนไลน์มากขึ้น”
โดย Baby Boomer ที่มีสัดส่วนถึง 20% ของคนไทยก็เริ่มเรียนรู้เรื่องดิจิทัลจริงจังที่น่าตื่นตาตื่นใจคือ Own Brand หรือสินค้าแบรนด์ตัวเองของท็อปส์ที่เติบโตแบบสองหลัก โตเร็วกว่าสินค้าทั่วไปในทุกหมวด ปัจจุบันมีแบรนด์ตัวเองมากกว่า 80 แบรนด์ รวมกว่า 5,000 รายการ
"คนไทยเริ่มเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ยึดติดแบรนด์เดิมเหมือนก่อน หาสินค้าที่คุณภาพเท่ากันแต่ราคาดีกว่า ไม่ใช่เพราะประหยัด แต่เป็นการเลือกซื้ออย่างฉลาด สินค้าแบรนด์เราไม่ใช่ของถูกๆ แต่เป็นของคุณภาพเทียบเท่าแบรนด์ดัง แค่ราคาดีกว่า"นายจักรกฤษณ์ กล่าว
เมื่อดูตัวเลขสัดส่วน Own Brand ทั่วโลก พบว่าไทยยังมีโอกาสเติบโตได้อีกมหาศาล ขณะที่ทั่วโลกอยู่ที่ 22% ยุโรป 39% สวิตเซอร์แลนด์สูงถึง 52% แต่ไทยเพียง 4% เท่านั้น โดยสินค้า Own Brand ของท็อปส์แบ่งเป็น 3 กลุ่มหลักแบ่งเป็น
-Specialized brands
จำนวน 69 แบรนด์ ครอบคลุม 707 รายการ เน้นหมวดหมู่ผลิตภัณฑ์เฉพาะที่มีคุณภาพสูงในราคาเข้าถึงได้
-Core brand
จำนวน 13 แบรนด์ ครอบคลุม 2,166 รายการ เน้นผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ TOPS
-Premium brands
จำนวน 3 แบรนด์ ครอบคลุม 2,130 รายการ เน้นผลิตภัณฑ์พรีเมียมคุณภาพสูง คัดสรรจากแหล่งผลิตต้นกำเนิดทั้งไทยและต่างประเทศภายใต้แบรนด์ My Choice
นอกจากนี้ยังจัดกลุ่มตามระดับคุณภาพเป็น Best: My Choice (คุณภาพสูงราคาเข้าถึงได้), Better: Tops และ Smarter (ความคุ้มค่าในชีวิตประจำวัน), และ Good: แบรนด์แฟนซี เช่น Chef Selections, Oh Egg, My Bite
ท็อปส์ตั้งเป้าขยายไลน์สินค้า Own Brand เพิ่มกว่า 500 รายการในปี 2568 ปัจจุบันมีสินค้า Own Brand กว่า 40 รายการวางจำหน่ายในต่างประเทศ 5 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ (ผ่านเครือข่ายแฟร์ไพรซ์ กรุ๊ป) จีน เวียดนาม กัมพูชา และสวิตเซอร์แลนด์
ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าขยายตลาดส่งออกอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นตลาดที่มีศักยภาพเติบโตสูงในอาเซียน เช่น มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย รวมถึงการขยายไปยังประเทศอื่นๆ ในเอเชียและยุโรป