"ชลากร เอกชัยพัฒนกุล" อู๋(กะโจ้) แห่ง "โอ้กะจู๋" นักปลูกผักเกษตรอินทรีผู้เริ่มจากรัก"แม่"และทุกคน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"ชลากร เอกชัยพัฒนกุล" อู๋(กะโจ้) แห่ง "โอ้กะจู๋" นักปลูกผักเกษตรอินทรีผู้เริ่มจากรัก"แม่"และทุกคน

Date Time: 5 ก.ค. 2568 04:10 น.

Summary

ส่วนผสมที่กลมกล่อมและลงตัวของ 3 เพื่อนมัธยมในจังหวัดเชียงใหม่ สู่การร่วมกันก่อตั้งบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของแบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ “โอ้กะจู๋” คือเรื่องราวที่ “ดีต่อใจ” และถูกเล่าขานเรื่อยมา แม้เวลาผ่านเนิ่นนานกว่า 12 ปี ที่ “โอ้กะจู๋” โลดแล่นอยู่ในโลกธุรกิจ

Latest

“MELAND” สยามพารากอน สวนสนุกในร่มแห่งแรกนอกจีน แลนด์มาร์กใหม่ งบลงทุน 400 ล้าน ค่าเข้าหลักพันบาท

ส่วนผสมที่กลมกล่อมและลงตัวของ 3 เพื่อนมัธยมในจังหวัดเชียงใหม่ สู่การร่วมกันก่อตั้งบริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน) หรือ OKJ เจ้าของแบรนด์อาหารเพื่อสุขภาพ “โอ้กะจู๋” คือเรื่องราวที่ “ดีต่อใจ” และถูกเล่าขานเรื่อยมา แม้เวลาผ่านเนิ่นนานกว่า 12 ปี ที่ “โอ้กะจู๋” โลดแล่นอยู่ในโลกธุรกิจ

ชลากร เอกชัยพัฒนกุล (อู๋) จิรายุทธ ภูวพูนผล (โจ้) และวรเดช สุชัยบุญศิริ (ต้อง) 3 ผู้ร่วมก่อตั้งแบ่งหน้าที่กันชัดเจนตามความถนัด ปัจจุบันคุณอู๋-ชลากร ซึ่งรับผิดชอบด้านอาหารและการตลาดในยุคแรกเริ่ม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร, คุณโจ้-จิรายุทธ ผู้ซึ่งนิยามตัวเองว่าเป็นเกษตรกร นั่งเก้าอี้ประธานเจ้าหน้าที่สายงานเกษตรอัจฉริยะและคุณต้อง-วรเดช สุชัยบุญศิริ วิศวกร 1 เดียวของทีม ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่ซัพพลายเชน

คุณอู๋–ชลากร อธิบาย 12 ปีของโอ้กะจู๋ ว่าเต็มไปด้วย เซอร์ไพรส์ เพราะวันนี้โอ้กะจู๋เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มูลค่า 3,800 ล้านบาท จำนวนพนักงาน 3,000 คน กำลังการผลิต (ผัก) รวม 850,000 กิโลกรัมต่อปี

“พ่อผมเรียกไปถามว่า แน่ใจนะทำธุรกิจกับเพื่อนแล้วจะไม่ทะเลาะกัน ไม่แตกกัน นั่นคือสิ่งที่ผมยึดถือเรื่อยมา เรา 3 คน มีความคิดไม่ตรงกันบ้างเป็นปกติ แต่ทุกคนมีเป้าหมายเดียวกันคือทำให้โอ้กะจู๋อยู่และเติบโตต่อไปให้ได้ เมื่อเป้าหมายตรงกันแล้ว เราจะไม่ปล่อยให้ความขัดแย้งเป็นปัญหา เราแบ่งงานกันชัดเจน”

คุณอู๋-ชลากร เป็นคนเชียงใหม่ ครอบครัวเป็นเจ้าของร้านขาย ของฝากชื่อดังของเชียงใหม่ “วนัสนันท์” ต้นตำรับแหนมและน้ำพริกหนุ่มแสนอร่อย คุณอู๋จึงเป็นหัวหอกด้านการทำธุรกิจและอาหาร ขณะที่คุณโจ้เป็นคนริเริ่มชักชวน หลังได้แรงบันดาลใจจากการไปทัศนศึกษา ที่คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ตอนอยู่ ม.5 ซึ่งทำให้คุณโจ้ ถึงกับเบนเข็มจากที่จะเรียนวิศวกรรมศาสตร์ เป็นเรียนคณะเกษตรศาสตร์ แทน เพราะอยากปลูกผักที่ปลอดภัยและช่วยยกระดับอาชีพ

เรียนมหาวิทยาลัยจบ คุณโจ้ชวนคุณอู๋และคุณต้องหาแปลงปลูกผักอินทรีย์ และเริ่มปลูกในปี 2553 ขณะอายุ 22 ปี จากปลูกกินเอง ขยายสู่การส่งวัตถุดิบให้ลูกค้าร้านอาหารในปี 2554 ตั้งเป็นร้านคาเฟ่และขยับสู่การเปิดร้านอาหารเพื่อสุขภาพ “โอ้กะจู๋” สาขาแรกที่ อ.สันทราย เชียงใหม่ในปี 2556 ขณะอายุ 25 ปี

ย้อนกลับไป ร้าน “โอ้กะจู๋” คือปรากฏการณ์ “ว้าว” ของคนทั่วประเทศที่ไปเยือนเชียงใหม่ เสิร์ฟอาหารที่ดีต่อสุขภาพ คุณภาพคับไซส์ รสชาติครบครัน ความคึกคักของลูกค้าทำให้ธุรกิจขยายตัว นำไปสู่การจดจัดตั้งบริษัท ภายใต้ชื่อ “บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด” ทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1 ล้านบาท ในปี 2557

“เซอร์ไพรส์แรกของผมเริ่มต้นในปี 2560 เมื่อเราตัดสินใจเคลื่อนทัพ บุกกรุง เลือกทำเลสยามสแควร์ เป็นการลงทุนก้อนใหญ่ที่ทำให้เราต้อง เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 5 ล้านบาท คนกรุงเทพฯให้การต้อนรับดีมาก เคยทำสถิติมีคนรอเกิน 100 คิว จากนั้นโอ้กะจู๋ก็เดินหน้าเพิ่มทุนต่อเนื่อง ขยายสาขาเพิ่ม ไม่ทันไรเจอเซอร์ไพรส์ 2 โควิดบุก ผลักดันให้ต้องปรับตัว ให้บริการดีลิเวอรีใน 3 สาขากรุงเทพฯ (ขณะนั้น) ทำให้ยังมีรายได้เข้ามา”

เซอร์ไพรส์ที่ 3 ตามมาหลังจากนั้นไม่นาน เมื่อสามารถบรรลุข้อตกลงกับบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR เข้ามาถือหุ้น 20% ผ่านบริษัทลูกที่ชื่อ “มอดูลัสเวนเจอร์” เป็นเงิน 204 ล้านบาทในปี 2564 “เอาจริงๆ มีคนขอคุยกับเรามากมาย แต่กับ OR คุยกันลงตัว เขายืนยันไม่ยุ่งเรื่องบริหาร คุยกัน 5-6 เดือน ก็เลยลองดู”

พอ OR มาเป็นพาร์ตเนอร์ โอ้กะจู๋ได้โอกาสเปิดร้านในปั๊ม PTT Station ขายสินค้าในร้าน Café Amazon เช่น แซนด์วิช แร็พ ขยายสู่ต่างจังหวัด เติบโตก้าวกระโดดจนมาถึงเซอร์ไพรส์ที่ 4 นั่นคือการเข้ากระจายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสำเร็จในเดือน มี.ค.2567

หลังระดมทุนในตลาดหุ้น โอ้กะจู๋เดินหน้าบุกตะลุย เปิดแบรนด์ใหม่ “Ohkajhu Wrap & Roll” ขายสลัด แร็พสลัด แซนด์วิชแบบพร้อมหยิบ (Grab & Go) ในเดือน เม.ย. 2567 ตามมาด้วยแบรนด์ “Oh! Juice” ขายน้ำผักและผลไม้ เปิดสาขาแรกเดือน พ.ค. 2567 “เราวางแผนเปิดแบรนด์ใหม่ให้ได้ทุกปี ปี 2568 เปิด “Joe Wings” ขายไก่ทอดจานด่วน ทอดด้วยน้ำมันคาโนล่าที่เปลี่ยนทุกวัน ชิ้นใหญ่ ให้เยอะ จากพืชผักหันไปหาลูกค้าที่ชอบทานเนื้อบ้าง อยากให้ทุกบ้านมีอาหารของเรา ไม่อย่างใดก็อย่างหนึ่ง”

จากแปลงผักขนาดย่อม เติบใหญ่จนกลายเป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ฯ คุณอู๋เล่าว่า ต้องปรับตัวเยอะ หาผู้บริหารมืออาชีพเข้ามาช่วย ตั้งรับกับดราม่าที่ถาโถมเข้ามาจากผู้บริโภค ตั้งแต่อาหารไซส์ใหญ่ไป จนถึงสินค้าราคาแพง

“เราหาทางลดต้นทุนอยู่ตลอด ใช้เทคโนโลยีช่วย การยืนหยัดว่าผักจะต้องส่งถึงจานอาหารไม่เกิน 28 ชั่วโมงหลังการตัดเพื่อคงความสด ไม่ใช่เรื่องง่าย และเรามีคนที่ต้องดูแล นั่นคือเกษตรกรผู้ปลูกผักอินทรีย์ ออร์แกนิก 100% เรายังรับซื้อผักจากพวกเขา แม้มีต้นทุนสูงกว่าที่เราปลูกเอง เราต้องสนับสนุนและโอบอุ้มวิถีอินทรีย์ ซึ่งเป็นพันธกิจของเรา”

เติบโตจากการปลูกผักเพราะรักแม่ รักพ่อ รักครอบครัว...มาถึงวันนี้ โอ้กะจู๋ปลูกผักเพราะรักระบบนิเวศทั้งองค์รวม เกษตรอินทรีย์ไม่ได้แค่ปลอดภัยต่อเกษตรกรเท่านั้น แต่ดีต่อสุขภาพของผู้บริโภคด้วย.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ