"เงินดีไม่พอใจ ต้องสบายใจด้วย" คนรุ่นใหม่ Gen Z เลือกงานจากคุณภาพชีวิตมากกว่าค่าจ้าง พร้อมโบกมือลาองค์กรที่เป็นพิษ หลังมอง ยุคนี้ “สุขภาพจิต” ต้องมาคู่ “รายได้” และ “โอกาสเติบโต” ในที่ทำงาน
สื่อต่างประเทศ รายงานว่า คนรุ่นใหม่โดยเฉพาะ Gen Z กว่า 60% ให้ความสำคัญกับ "สุขภาพจิต" ในที่ทำงานเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกองค์กรหรือเจ้านายที่เราจะทำงานร่วมด้วย โดยส่วนมากกลุ่ม Gen Z มักวัดคุณค่าขององค์กรจากความใส่ใจในพนักงาน รวมถึงการมีความสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน (Work-Life Balance) มากกว่าทำงานภายใต้แรงกดดัน
อีกทั้ง 66% ของ Gen Z และ 65% ของ Millennials กำลังคิดเรื่องเปลี่ยนงานอย่างจริงจัง โดยในรายงานระบุว่า พวกเขาต้องการทำงานกับองค์กรที่ให้ความสำคัญในเรื่องสุขภาพจิต ความมั่นคงในอาชีพ และต้องมีรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ซึ่งหากพวกเขารู้สึกว่าสภาพแวดล้อมในการทำงาน Toxic ก็พร้อมที่จะลาออกทันที
การทำงานนั้นไม่ใช่แค่ต้องมีสุขภาพจิตดี แต่การเงินเองก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะคนรุ่นใหม่มองว่า "มีเงิน = มีความสุข" ซึ่งสอดคล้องกับผลสำรวจของ Deloitte พบว่า 40% ของ Gen Z และ 34% ของ Millennials มีความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเดือนและสังคมการทำงานเกือบตลอดเวลา
การทำงานในยุคปัจจุบันนั้นต้องมีทั้งสุขภาพจิตที่ดี และการเงินที่ลื่นไหล แม้ว่าหลายคนจะอยากลาออกเพื่อไปเริ่มต้นใหม่ โดย 55% ของพนักงานลาออกเพื่อไปทำงานในที่ใหม่ที่ได้เงินเดือนดีและมีความมั่นคงในการทำงาน แต่ 56% กลับมองว่ายังไม่พร้อมเปลี่ยนงาน เพราะไม่อยากเสี่ยงเรื่อง "เงินเดือน"
อีกทั้งสําหรับ Gen Z และ Millennials ความเป็นอยู่ที่ดีในการทำงานคือสภาพแวดล้อมต้อง "ดีต่อใจ" โดยผู้ที่มีความสุขกับการทำงานส่วนใหญ่มองว่าพวกเขาได้มีส่วนร่วมและถูกยอมรับในหมู่สังคมทำงาน ในขณะเดียวกัน กลุ่มคนที่ไม่มีความสุขในการทำงานจะรู้สึกเหนื่อยล้า ไร้แรงจูงใจ และเริ่มคิดอยากไปเริ่มต้นใหม่ในที่ทำงานอื่นที่จะมองเห็นคุณค่าของเรามากขึ้น
ผลสำรวจของ CVwizard เผยว่า ผู้หญิง Gen Z เกือบ 71% มีแนวโน้มจะเปลี่ยนงานมากกว่าผู้ชาย ขณะที่กลุ่มอายุอื่นกลับเป็นผู้ชายที่มีแนวโน้มอยากเปลี่ยนงานมากกว่าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่ม Millennials และ Gen X ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างด้านแรงจูงใจและความคาดหวังในการทำงานของแต่ละเพศในแต่ละช่วงวัยอย่างชัดเจน
ความเครียดจากปัจจัยหลายอย่างทำให้ Gen Z มีแนวคิดว่าอยากลาออกไปเริ่มต้นใหม่เยอะกว่าช่วงวัยอื่น ๆ โดยคุณสมบัติขององค์กร/เจ้านาย ที่ Gen Z และ Millennials อยากทำงานด้วยคือ
ให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพนักงาน
เปิดรับเทคโนโลยี / AI ในการทำงาน
ไม่ใช่แค่เป็นหัวหน้า แต่ต้องเป็น "ที่ปรึกษา" ด้วย
เป็นผู้นำที่เห็นอกเห็นใจคนอื่น
สนับสนุนคนรุ่นใหม่มีโอกาสเติบโต
นอกจากนี้ เกือบ 1 ใน 3 ของ Gen Z และ Millennials ในต่างประเทศ เลือกที่จะไม่เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่ากังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการศึกษา และเริ่มตั้งคำถามถึง “ความคุ้มค่า” ของการศึกษาระดับปริญญาเมื่อเทียบค่าเทอมกับทักษะที่สามารถหยิบมาใช้ได้จริงในการทำงาน
หลายคนมองว่าหลักสูตรการสอนแบบเดิมไม่ค่อยตอบโจทย์ตลาดงาน จึงหันไปเลือกเรียนสายอาชีพหรือคอร์สระยะสั้นที่เน้นทักษะจริงมากกว่า ซึ่งตอบโจทย์นายจ้างจำนวนมากที่ยังคงประสบปัญหาในการหาคนทำงานที่ "พร้อมใช้งาน" หรือก็คือคนที่มีทักษะทำงานจริงมาก่อน เพราะสามารถเริ่มทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องใช้เวลาฝึกนาน
ดังนั้น สิ่งที่คนรุ่นใหม่คาดหวังจากการศึกษาจึงไม่ใช่แค่เรียนแล้วจบ แต่เป็นการมีทักษะติดตัวที่จะนำไปใช้ในการทำงานและสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองได้จริง จึงจะมองว่าเงินที่เสียไปกับการเรียนนั้นคุ้มค่าแล้ว