"วาที วิเชียรนิตย์" เพราะ "คิดใหญ่" ส่งรองเท้าแตะวิ่งมาราธอนไทย Ving ไปไกลทั่วโลก

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

"วาที วิเชียรนิตย์" เพราะ "คิดใหญ่" ส่งรองเท้าแตะวิ่งมาราธอนไทย Ving ไปไกลทั่วโลก

Date Time: 14 มิ.ย. 2568 05:14 น.

Summary

จากพนักงานออฟฟิศ เป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ ที่มีงานอดิเรกคือ การวิ่งออกกำลังกาย และวิ่งมาราธอนตามงานต่างๆ นำไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ “รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน” แบรนด์แรกของไทย Ving (วี–อิ้ง) Marathon Sandal

Latest

ชูนวัตกรรม AI นำทัพ พลิกโฉมค้าปลีก 3 เวทีใหญ่

จากพนักงานออฟฟิศ เป็นโปรแกรมเมอร์ในบริษัทซอฟต์แวร์ คอมพิวเตอร์ ที่มีงานอดิเรกคือ การวิ่งออกกำลังกาย และวิ่งมาราธอนตามงานต่างๆ นำไปสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจ “รองเท้าแตะวิ่งมาราธอน” แบรนด์แรกของไทย Ving (วี–อิ้ง) Marathon Sandal

คุณเวย์–วาที วิเชียรนิตย์ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ VING เล่าที่มาที่เป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากทำรองเท้าแตะที่วิ่งได้ เบาสบายเท้าและไม่ต้องบีบรัดเท้า เมื่อต้องวิ่งหรือเดินนานๆ เหมือนรองเท้าผ้าใบ เพราะในปี 2562 เขาไปลงวิ่งแข่งมาราธอน ในงาน “บุรีรัมย์ มาราธอน” ระยะทาง 42 กิโลเมตร ซึ่งปรากฏว่า เขาวิ่งไปได้เพียงครึ่งทางก็เริ่มเจ็บเท้า วิ่งไปสักพักเท้าที่เริ่มบวมและโดนรองเท้าผ้าใบบีบ ทำให้เขาวิ่งต่อไม่ได้ จนต้องถอดรองเท้า และเข้าไปซื้อรองเท้าแตะในร้านสะดวกซื้อ เพื่อมาวิ่งต่อจนถึงเส้นชัย!!

หลังจบงานนั้นทำให้เขากลับมาคิดว่า ถ้ามีรองเท้าแตะดีๆที่มีโฟมหรือคาร์บอนหนาๆรองพื้นเพื่อซัพพอร์ตหรือพยุงเท้าที่นิ่มๆเด้งๆ โดยไม่ต้องมีวัสดุมาคลุมปิดเท้าเหมือนรองเท้ากีฬาที่คนใส่วิ่งทั่วไป เพื่อไม่ให้มาบีบอัดนิ้วเท้า เมื่อต้องวิ่งนานๆก็น่าจะดี เขาจึงลองสั่งซื้อรองเท้าแตะวิ่งจากต่างประเทศหลายยี่ห้อเข้ามาใส่ด้วยตัวเอง รวมทั้งสั่งมาขายให้เพื่อนนักวิ่งด้วยกัน แต่ก็ยังไม่ตอบโจทย์ในสิ่งที่นักวิ่งมาราธอนต้องการได้ เขาจึงตัดสินใจพัฒนาโดยผลิตรองเท้าขึ้นมาเอง ใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง ทนทาน ลองผิดลองถูกกับเพื่อนนักวิ่งมาราธอน โดยเฉพาะกลุ่มที่วิ่งระยะทาง 100 กิโลเมตร ทดลองอยู่ 6-7 เดือน จนเป็นที่น่าพอใจ

ก่อนตัดสินใจผลิตออกมาวางขายในตลาด ด้วยความที่มีเงินทุนไม่มาก ราวปลายปี 2563 เขาใช้วิธีประกาศจัดการแข่งขันวิ่งมาราธอนแบบ Virtual Run (VR)  เก็บเงินผู้เข้าร่วมคนละ 1,000 บาท เมื่อผู้เข้าร่วมวิ่งได้ตามระยะทางที่กำหนด ก็จะแจกเสื้อ, เหรียญและรองเท้าแตะ Ving ให้ผู้เข้าแข่งขัน โดยเขาคิดมูลค่ารองเท้าที่คู่ละ 690 บาท รวมอยู่ในเงินค่าสมัคร 1,000 บาท ที่เหลือเป็นต้นทุนในการบริหารจัดการ

ในงานนั้นมีผู้สมัครเข้าร่วมวิ่งราว 1,000 กว่าคน ทำให้ระดมเงินได้ราว 1 ล้านบาท คิดเป็นค่ารองเท้า 690,000 บาท นั่นหมายความว่าเขาสามารถพรีออเดอร์ ขายรองเท้าได้แล้ว 1,000 คู่ เขาบอกว่า นี่ถือเป็นการระดมทุนแบบ Crowd funding นั่นจึงเป็นทุนที่ทำให้เขานำมาต่อยอดสั่งผลิตสินค้าลอตต่อไปได้ ซึ่งปรากฏว่ารองเท้าแตะ Ving ของเขาได้การตอบรับอย่างดีในแวดวงนักวิ่งมาราธอน ก่อนที่จะแพร่หลายในหมู่ลูกค้าทั่วไป ที่มองว่า ถ้าใส่วิ่งมาราธอนต่อเนื่องได้เป็นระยะทางไกลๆ โดยใส่แล้วนุ่มสบาย ไม่บีบรัดเท้าและไม่เป็น “รองช้ำ” ก็น่าจะใส่ได้สบายในชีวิตประจำวัน รองเท้า Ving จึงถือเป็นรองเท้าแตะเพื่อสุขภาพด้วย

“เราไม่ขายความเป็นรองเท้าแตะเพื่อสุขภาพ เพราะจะเหมือนกับหลายยี่ห้อที่เคลมว่าเป็นรองเท้าเพื่อสุขภาพ เราต้องการความต่าง จึงชูจุดขายความเป็นรองเท้าแตะที่ใส่วิ่งมาราธอนได้ พอคนได้ยินก็จะ เอ๊ะ! เกิดความสงสัยและอยากรู้ว่ามันเป็นยังไง ก็ทำให้เขาสนใจและเปิดใจอยากซื้ออยากลอง ซึ่งปรากฏว่าทุกวันนี้ ลูกค้าเรา เป็นคนทั่วไปที่ซื้อเพื่อใส่ในชีวิตประจำวันมากกว่า 70–80% เพราะความใส่สบาย นุ่ม มีซัพพอร์ตเท้าที่ดี แก้ปัญหาคนเป็นรองช้ำได้”

คุณเวย์บอกว่า ปัจจุบัน Ving มีช็อปเปิดในห้างสรรพสินค้ามากกว่า 40 สาขาทั่วประเทศ และขายทางออนไลน์ด้วย ถึงวันนี้ 6 ปีผ่านมา ได้ขายรองเท้าแตะ Ving ไปแล้วมากกว่า 4 แสนคู่ ไม่เพียงแต่ชาวไทยเท่านั้น ยังมีออเดอร์สั่งซื้อจากหลายประเทศทั่วโลก ทั้งจากยุโรป อังกฤษ สหรัฐฯ สิงคโปร์ มาเลเซีย และเขายังได้พัฒนารองเท้าแตะ Ving อย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้ตอนนี้มีรองเท้าแตะวิ่ง Ving ที่หลากหลายดีไซน์ถึง 10 รุ่น โดยทุกรุ่นมีจุดร่วมเหมือนกันคือ เบา สบาย ไม่ลื่น ซัพพอร์ตเท้าและมีความทนทานมากพอที่จะใส่วิ่งมาราธอนได้ โดยมีราคาตั้งแต่คู่ละ 690 บาท ไปสูงสุดที่ 4,200 บาท

โดยรุ่นล่าสุดที่ได้สร้างปรากฏการณ์ฮือฮาไปทั่วโลกและเป็นไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อต้นปี 2568 ที่ผ่านมา คือ รองเท้าแตะ Super sandal รุ่น NIRUN (นิรันดร์) ที่ได้ใช้นวัตกรรมเข้ามาพัฒนาขั้นสุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวิ่ง ซึ่งนักวิ่งชาวเคนยาได้ใส่รองเท้า Super sandal รุ่น NIRUN ไปคว้าแชมป์ในงาน “ขอนแก่นมาราธอนนานาชาติ” โดยทำสถิติวิ่งระยะทาง 42 กิโลเมตร ทำเวลาเพียง 2 ชั่วโมง 18 นาที 59 วินาที ถือเป็นสถิติวิ่งด้วยรองเท้าแตะมาราธอนที่เร็วที่สุดในโลก!! ยิ่งทำให้ Ving เป็นรู้จักในหมู่นักวิ่งมาราธอนทั่วโลก!! และเมื่อเขาไปออกบูธแนะนำรองเท้าแตะวิ่งมาราธอน Ving ที่งานวิ่ง London Marathon Expo ปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมาก!!

เมื่อกลับมาดูผลประกอบการตลอด 6 ปีที่ผ่านมา พบว่ามีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากปี 62 ปีแรกยอดขาย 1 ล้านบาท ปี 63 เพิ่มขึ้นมา เป็น 6 ล้านบาท ปี 64 14 ล้านบาท ปี 65 พรวดขึ้นมาเป็น 48 ล้านบาท ปี 66 กระโดดไป 120 ล้านบาท ปี 67 ปิดที่ 150 ล้านบาท และคาดว่าปีนี้จะขึ้นมาที่ 200 ล้านบาท โดยตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีข้างหน้า คือปี 71 จะทำยอดขายให้ได้ 1,000 ล้านบาท!!

คัมภีร์ความสำเร็จของ Ving รองเท้าแตะวิ่งมาราธอนในวันนี้นั้น คุณเวย์บอกว่า การตัดสินใจทำธุรกิจของเขานั้น คือ เราต้องหาลูกค้าให้เจอก่อน ว่าเราจะทำของขายให้ใคร เขามีปัญหาอะไร และเราต้องแก้ปัญหาให้เขาได้ ตอบโจทย์ที่ตรงความต้องการ โดยผลิตสินค้าที่ดีที่สุด และต้องดีกว่าที่ลูกค้าเคยเจอมา ดีกว่าทั้งในเชิงคุณภาพ ประสิทธิภาพและฟังก์ชัน ต้องทำให้มีความแตกต่าง โชคดีที่เขาทำในสิ่งที่ใกล้ตัว ทำให้เขาเข้าใจปัญหาอย่างแท้จริง

และเมื่อลงมือทำธุรกิจแล้ว สิ่งสำคัญคือเราต้องมองภาพใหญ่ มองเป้าหมายให้ใหญ่ไว้ก่อน เขามองไปถึงระดับ Global ไว้ตั้งแต่แรก ว่าสินค้าต้องถูกนำไปขายได้ทั่วโลก ทำให้เขาวางแผนธุรกิจและทำการตลาดเพื่อปูทางไปให้ถึงเป้าหมาย นี่คือ Business on my way ของนักวิ่งมาราธอนที่ชื่อ เวย์–วาที วิเชียรนิตย์.

เลดี้แจน

คลิกอ่านคอลัมน์ "Business On My Way" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ