“มิตซูบิชิ” เสริมแกร่งรุกตลาดกัมพูชา เปิดยุทธศาสตร์ใหม่อาเชียน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

“มิตซูบิชิ” เสริมแกร่งรุกตลาดกัมพูชา เปิดยุทธศาสตร์ใหม่อาเชียน

Date Time: 22 พ.ค. 2568 07:05 น.

Summary

กลุ่มมิตซูบิชิ อิเล็คทริค เดินหน้าเสริมความแข็งแกร่งในอาเซียน การเปิดสำนักงานผู้แทนการค้าแห่งใหม่ที่กัมพูชา ผ่านมิตซูบิชิ สิงคโปร์ เพื่อเปิดตลาดเครื่องปรับอากาศ และในเวลาเดียวกัน มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) ได้เปิดสาขาอย่างเป็นทางการเพื่อรุกตลาดลิฟท์และบันไดเลื่อน ถือเป็นกลยุทธ์รุกตลาดอาเซียนอย่างเป็นรูปธรรม

Latest

รอบรั้วการตลาด : เมืองไทยประกันชีวิต ส่งมอบกรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจข้ามปีเพียง 20 บาท

นายโทชิมิตสึ อิโตะ กรรมการผู้จัดการของ บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค เอเชีย พีทีอี จำกัด (MEAP) จากสิงคโปร์ และผู้แทนภาคพื้นเอเชียแปซิฟิกของกลุ่มบริษัท เปิดเผยว่า กัมพูชาเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง ด้วยโครงสร้างประชากรวัยหนุ่มสาว ชนชั้นกลางที่ขยายตัว และความมีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในช่วงหลัง จึงถือเป็นก้าวสำคัญของ MEAP ในการสร้างรากฐานทางธุรกิจระยะยาว


โดยสำนักงานผู้แทนการค้าที่กรุงพนมเปญ ซึ่งเปิดดำเนินงานตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา มีเป้าหมายเพื่อเสริมการสนับสนุนตัวแทนจำหน่ายในท้องถิ่น, ยกระดับบริการลูกค้า, และสร้างแบรนด์อิมเมจที่มั่นคงในตลาดกัมพูชา ก่อนขยายสู่โอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ ตอบสนองความต้องการที่หลากหลายในด้านผลิตภัณฑ์ ระบบและโซลูชัน เช่น ระบบควบคุมอาคารอัจฉริยะ และเทคโนโลยีเพื่อความยั่งยืนที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ปักฐานสร้างแบรนด์เครื่องปรับอากาศ


ในส่วนของธุรกิจเครื่องปรับอากาศ  เน้นเจาะตลาด ทั้งกลุ่มธุรกิจกับธุรกิจ (B2B) และธุรกิจกับผู้บริโภค (B2C) ครอบคลุมบ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ไปจนถึงระบบซับซ้อนในอาคารขนาดใหญ่ โดยผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ ผลิตจากโรงงานในประเทศไทย แล้วส่งออกไปยังหลายประเทศรวมถึง สหรัฐฯ, ยุโรป และออสเตรเลีย


แม้สถานการณ์เศรษฐกิจโลกและความไม่แน่นอนด้านการค้าระหว่างประเทศ เช่น ภาษีนำเข้าสหรัฐฯ จะสร้างแรงกดดันต่อการส่งออก แต่บริษัทเชื่อมั่นว่าคุณภาพของสินค้าและความไว้วางใจจากลูกค้าในระยะยาวจะยังเป็นจุดแข็งสำคัญ


“กัมพูชาเป็นประเทศที่มีประชากรหนุ่มสาวมาก มีพลัง และมีเสถียรภาพทางสังคมสูง รวมถึงมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาอย่างชัดเจนในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาผมคิดว่ากัมพูชาได้วางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตในระยะยาวอย่างยั่งยืนจากมุมมองนี้ จึงมีความคาดหวังสูงกับภูมิภาคนี้ เรามุ่งมั่นที่จะมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศนี้ในระยะยาวและหวังว่าจะได้ร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับคนกัมพูชาในการเดินหน้าต่อไป” นายอิโตะกล่าว

เปิดตลาดลิฟท์เน้นจุดขายความปลอดภัย

ด้าน นายคัทสึยะ คาวาบาตะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ เอลเลเวเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่ากัมพูชาเป็นตลาดที่กำลังเติบโต โดยเฉพาะในกลุ่มอาคารพักอาศัยขนาดกลางต่ำกว่า 10 ชั้น  ซึ่งมีความต้องการใช้ระบบลิฟต์และบันไดเลื่อนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเราจะชูจุดแข็งด้าน ความปลอดภัย, คุณภาพการติดตั้ง, และ บริการหลังการขาย โดยบริษัทมีแผนขยายทีมงานในท้องถิ่น และเสริมสร้างทักษะผ่านระบบฝึกอบรมมาตรฐานญี่ปุ่น เพื่อรองรับการเติบโตระยะยาว รวมถึงการขยายไปสู่โครงการขนาดใหญ่ เช่น โรงแรมใกล้สนามบินใหม่ของกัมพูชาในอนาคต

“ผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิไม่เพียงแค่มีคุณภาพสูง แต่ยังมีบริการบำรุงรักษาตลอดอายุการใช้งานด้วยโดยอายุการใช้งานของอุปกรณ์เประมาณ 25 ปี ในประเทศไทย ดูแลลูกค้าด้วยการบำรุงรักษาและตรวจสอบแบบเรียลไทม์ เช่น เรารู้ได้ว่าลิฟต์กี่ตัวกำลังมีปัญหา หรือกี่ตัวใช้งานได้ตามปกติ ณ เวลานั้น เราวางแผนที่จะนำเทคโนโลยีลักษณะนี้มาใช้ในกัมพูชาด้วย ขอฝากถึงลูกค้าไว้ว่า การติดตั้งลิฟต์หรืออุปกรณ์ใดๆ เป็นการลงทุนระยะยาวคุณควรพิจารณาด้วยว่า ใครจะเป็นผู้ดูแลรักษาในระยะยาว และเราพร้อมเป็นผู้นั้น” นายคาวาบาตะกล่าวและว่า 


ตลาดกัมพูชานั้นมีศักยภาพสูงมาก ทางมิตซูบิชิต้องการนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่ล้ำสมัย ปลอดภัย มีคุณภาพสูง และให้ความสบายแก่ผู้ใช้งานนอกจากนี้ ยังตั้งใจไม่เพียงขยายธุรกิจเท่านั้น แต่ยังต้องการมีส่วนช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมของกัมพูชาด้วย รวมถึงคุณภาพชีวิตของผู้คนเราต้องการสร้างอนาคตที่ดีร่วมกันกับลูกค้าชาวกัมพูชาด้วย

ชูนวัตกรรม–AI–IoT ตอบโจทย์ความยั่งยืน


ขณะเดียวกันทั้งสองธุรกิจยังให้ความสำคัญกับ เทคโนโลยีอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นการนำ AI และ IoT มาใช้กับเครื่องปรับอากาศเพื่อควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ, ตรวจจับความเคลื่อนไหว และจัดการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงในลิฟต์ที่สามารถวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน และแจ้งเตือนเพื่อการซ่อมบำรุงเชิงป้องกัน

“แม้เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวน แต่กลุ่มมิตซูบิชิ อิเล็คทริค  เชื่อว่าการลงทุนในตลาดที่มีศักยภาพสูงอย่างกัมพูชานั้นคุ้มค่าในระยะยาวโดยเฉพาะเมื่อผสานจุดแข็งของบริษัทในเครือจากไทยและสิงคโปร์เข้าด้วยกัน”  นายอิโตะกล่าว 


การเปิดตัวสองหน่วยงานในกรุงพนมเปญจึงไม่เพียงเป็นการรุกตลาด แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่การ สร้างเครือข่ายธุรกิจในอาเซียน อย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งขับเคลื่อนนวัตกรรมเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น


ปัจจุบัน  MEAP มีเครือข่ายบริษัทในกลุ่มครอบคลุมทั่วทั้งภูมิภาค ได้แก่ สิงคโปร์ ไทย ออสเตรเลีย อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเมียนมา โดยสำนักงานผู้แทนการค้าในประเทศกัมพูชาที่จัดตั้งขึ้นใหม่นี้ ถือเป็นส่วนเพิ่มเติมล่าสุดในเครือข่ายดังกล่าว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ