
ฤดูกาลผลไม้ภาคตะวันออกได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดยมีผลไม้หลากหลายชนิดออกสู่ตลาดในปริมาณมาก ซึ่งหนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือ ‘ทุเรียน’ ผลไม้ที่มีเปลือกเป็นหนาม เนื้อสีเหลืองทองอำพัน กับรสชาติเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับผลไม้ใดๆ ในโลก อีกทั้งกลิ่น เนื้อสัมผัส ทำให้ใครๆ ต่างก็ต้องยกนิ้วให้ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” ที่มาพร้อมกับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งจากคนไทยด้วยกันเอง รวมถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ จนกลายเป็นพืชเศรษฐกิจหนึ่งเดียวที่นำรายได้เข้าประเทศลำดับต้นๆ ของสินค้าเกษตรส่งออกเลยก็ว่าได้
ดังนั้นในช่วงเวลานี้บรรดา ร้านอาหาร ศูนย์การค้า ทั้งในกรุงเทพฯ และหลายจังหวัดทั่วประเทศไทย ต่างเร่งเปิดตัวแคมเปญ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” เพื่อตอบรับกระแสความต้องการ กระตุ้นยอดขาย ดึงดูดลูกค้า และมอบประสบการณ์เฉพาะฤดูกาลที่ทั้งคุ้มค่าและตรงใจกลุ่มเป้าหมายกันอย่างเนืองแน่น
เห็นได้จากภาพรวมของธุรกิจค้าปลีกและศูนย์การค้าพรีเมียมในช่วงฤดูกาลผลไม้ปีนี้ ที่ต่างตบเท้าเข้าร่วมแคมเปญ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” อย่างคึกคัก ไม่ว่าจะเป็นห้างค้าปลีกชื่อดัง ศูนย์การค้า ตลาด หรือแม้แต่สวนผลไม้ ต่างจัดบุฟเฟ่ต์หลากหลายรูปแบบ ครอบคลุมหลายระดับราคา ขึ้นอยู่กับระยะเวลา ความพรีเมียม และประเภทของผลไม้ที่นำเสนอ
และก็เช่นเดียวกันกับห้างค้าปลีกรายใหญ่อย่าง แม็คโคร โลตัส เซ็นทรัล และบิ๊กซี ที่พร้อมใจกันจัดแคมเปญ “บุฟเฟ่ต์ผลไม้” โดยมีทุเรียนหมอนทอง ราชาแห่งผลไม้ที่ได้รับความนิยมสูงสุด เป็นพระเอกของงาน ซึ่งราคาบุฟเฟ่ต์เฉลี่ยอยู่ที่ 499–799 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับสถานที่ ระยะเวลา และปริมาณผลไม้ที่ให้บริการ
หรือแม้แต่ศูนย์การค้าระดับไฮเอนด์อย่าง สยามพารากอน และ กูร์เมต์ มาร์เก็ต ก็ไม่พลาดที่จะเชิญชวนลูกค้ามาสัมผัสรสชาติของ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียนและผลไม้เมืองร้อน” ที่คัดสรรคุณภาพมาอย่างพิถีพิถัน
ในส่วนของโรงแรมหรู เช่น แชงกรีลา อนันตรา และอินเตอร์คอนติเนนตัล ก็จัดบุฟเฟ่ต์ผลไม้พรีเมียมที่รวมทุเรียนพันธุ์ต่าง ๆ พร้อมเมนูของหวานและเครื่องดื่มหลากหลาย ราคาจะอยู่ในช่วง 1,200–1,800 บาทต่อคน ซึ่งสะท้อนถึงความหรูหรา บรรยากาศระดับโรงแรมห้าดาว และการบริการเหนือระดับ ลบภาพจำโรงแรมต้องไร้กลิ่นทุเรียน
ทั้งนี้แคมเปญบุฟเฟ่ต์ทุเรียนนี้ได้รับความสนใจ จากทั้งลูกค้าชาวไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ ทำให้หลายแห่งมียอดจองเต็มล่วงหน้า โดยเฉพาะในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ สะท้อนถึงความสำเร็จในการใช้ฤดูกาลผลไม้เป็นโอกาสทองในการกระตุ้นตลาดอย่างเห็นได้ชัด
อย่างไรก็ตามการจัดแคมเปญบุฟเฟ่ต์ทุเรียนในวันนี้ ไม่ใช่แค่การ “ขายผลไม้” แต่ถือเป็นการวางกลยุทธ์ทางการตลาดเชิงประสบการณ์ (experiential marketing) ที่ทรงพลัง ผู้บริโภคไม่ได้เพียงแค่จ่ายเงินเพื่อรับประทานผลไม้ แต่พวกเขากำลังซื้อ “ประสบการณ์” ที่ผูกโยงเข้ากับความตื่นเต้น ความพิเศษเฉพาะฤดูกาล และความคุ้มค่าจากการกินไม่อั้น
แคมเปญนี้กลายเป็นเครื่องมือการตลาดสำคัญที่ส่งผลหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มทราฟฟิกเข้าสู่หน้าร้าน การกระตุ้นยอดใช้จ่ายต่อบิล (basket size) เมื่อผู้บริโภคเข้ามาจากแคมเปญหลัก แต่ลงเอยด้วยการเลือกซื้อสินค้าอื่น ๆ ควบคู่กัน หรือแม้แต่สร้างการรับรู้แบรนด์ (brand awareness) และความจดจำในเชิงบวก (brand affinity) ผ่านแคมเปญที่ผูกโยงกับความสนุกสนาน และภาพจำในโซเชียลมีเดีย กลายเป็นแม่เหล็กด้าน PR และ Content Marketing โดยธรรมชาติ เพราะผู้บริโภคมีแนวโน้มที่จะถ่ายภาพ แชร์รีวิว และบอกต่อประสบการณ์บนแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งช่วยสร้าง Earned Media ให้กับแบรนด์ได้อย่างทรงพลังและต่อเนื่อง
โดยหนึ่งในแคมเปญที่ได้รับความสนใจมากในปีนี้คือ บุฟเฟ่ต์ทุเรียน 599 บาท ที่แม็คโครและโลตัส เน้นจุดขายที่ความคุ้มค่าในราคาที่จ่ายไป คุณภาพที่ยอดเยี่ยม และการสนับสนุนเกษตรกรไทยอย่างยั่งยืน
เพราะด้วยราคาเพียง 599 บาท ผู้บริโภคสามารถเพลิดเพลินกับทุเรียนหมอนทองคุณภาพสูง พร้อมผลไม้อื่น ๆ ซึ่งเป็นทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าการซื้อทุเรียนแบบชั่งกิโล โดยทุเรียนที่ใช้สำหรับแคมเปญนี้ที่แม็คโครและโลตัสล้วนเป็นผลผลิตจากสวนที่มีมาตรฐาน เนื้อแน่น หอม หวาน ทำให้ผู้บริโภคมั่นใจในรสชาติและความปลอดภัยของสินค้า
อีกหนึ่งหัวใจสำคัญของแคมเปญนี้คือ การรับซื้อทุเรียนจากเกษตรกรโดยตรง ซึ่งช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนท้องถิ่น และส่งเสริมความยั่งยืนในอาชีพเกษตรกรรม นอกจากนี้ยังช่วยกระจายผลผลิตทุเรียนไปสู่ผู้บริโภคในประเทศในช่วงที่ผลผลิตออกมาก โดยไม่ต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเพียงอย่างเดียว
ด้วยเหตุนี้ “บุฟเฟ่ต์ทุเรียน” จึงไม่ใช่เพียงแค่เทศกาลแห่งการกิน ไม่ใช่เพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่คือเวทีของโอกาส ที่ทุกภาคส่วนได้ร่วมเฉลิมฉลองในทุกคำ ไปพร้อมกัน ทั้งเกษตรกร ผู้บริโภค และแบรนด์ที่เข้าใจหัวใจของฤดูกาลผลไม้ไทยได้อย่างแท้จริง