หลัว หยานลี่ รองผู้จัดการทั่วไปบริษัท ซัน ไห่ แมพ กล่าวว่า ภาพรวมตลาดอีคอมเมิร์ซในประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง บวกกับมีแนวโน้มความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยปี 2567 ที่ผ่านมามีมูลค่าสูงถึง 1 ล้านล้านบาท ขึ้นแท่นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เป็นรองแค่อินโดนีเซียที่มีประชากรต่างกับไทยถึง 4 เท่า
โดยไทยมีประชากรประมาณ 70 ล้านคน ส่วนอินโดนีเซียมีประชากรประมาณ 270-280 ล้านคน นั่นหมายความว่ากำลังการบริโภคต่อหัวของคนไทยในอีคอมเมิร์ซเป็นสองเท่า เนื่องจากคนไทยมีความต้องการในการใช้จ่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์เพิ่มขึ้น
ส่วนในปี 2568 หยานลี่ มองว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซยังคงสดใส และกลายเป็นตลาดที่แข่งขันดุเดือดมากกว่าปีที่ผ่านมา ทำให้โอกาสในการทำธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามพรมแดนในไทยอาจจะมีความท้าทายอย่างมากเมื่อเทียบกับยุโรป และอเมริกา นั่นจึงทำให้ ซัน ไห่ แมพ (ประเทศไทย) จัดงานประชุม “อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2568” ขึ้น เพื่อสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ได้สื่อสารกันแบบพบหน้าพร้อมกับการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ รวมทั้งยังเป็นการผลักดันให้แบรนด์ต่างๆ สามารถค้นหาตัวแทนขายบนอีคอมเมิร์ซได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งมีทั้งมาเลเซีย จีน สิงคโปร์ ฯลฯ
โดยมีบริษัทชื่อดังหลายแห่งเข้าร่วมจัดงาน ซึ่งวัตถุประสงค์ของงาน คือการมุ่งเน้นไปที่ตลาดอีคอมเมิร์ซของประเทศไทย รวมทั้งยังได้มีการเชิญบริษัทชั้นนำจากต้นน้ำ ถึงปลายน้ำของห่วงโซ่อุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซของไทยมาแบ่งปันประสบการณ์ให้กับผู้ประกอบการ ไม่ว่าจะเป็น Lazada, Shoppee, TikTok ฯลฯ รวมถึงเคล็ดลับการเติบโตของธุรกิจเสริมสร้างกิจกรรมอุตสาหกรรมสำหรับบริษัทอีคอมเมิร์ซที่ขยายกิจการมายังประเทศไทยเพื่อสร้างมิตรภาพในการค้นหาทรัพยากร หารือความร่วมมือและเพิ่มพูนความรู้
ทั้งนี้ภายในงานมีผู้เข้าร่วมมากกว่า 1,000 คน จากประเทศไทยและต่างประเทศ ทั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซ, ของตกแต่งบ้าน, เสื้อผ้า, เครื่องสำอาง, ของเล่นเด็ก, อาหาร, เครื่องใช้ภายในบ้าน และผลิตภัณฑ์ดูแลแม่และเด็ก ฯลฯ
และเมื่อถามถึงความท้าทายที่เกิดขึ้น หยานลี่ มองว่า อนาคตของการค้าโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายในการเพิ่มขึ้นของมาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่เพียงส่งผลต่อรูปแบบการค้าระหว่างประเทศ แต่ยังนำไปสู่การแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้ในมุมของธุรกิจ E-commerce การกำกับดูแลการค้าดิจิทัลและการจัดเก็บภาษีในยุคเศรษฐกิจดิจิทัลกลายเป็นประเด็นท้าทายใหม่ที่ประชาคมโลกต้องร่วมกันหาทางออก”
ขณะเดียวกันในประเทศไทยยังมีความท้าทายในส่วนของกฎระเบียบ ข้อบังคับ ความรู้ทางการขอใบรับรองเพื่อเข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ดังนั้นจะต้องมีการศึกษารายละเอียดอย่างถี่ถ้วน
“ไทยมีการเติบโตของตลาดอีคอมเมิร์ซเร็วกว่าจีน เนื่องจากไทยมีการเล่นโซเชียลมีเดียหลายแพลตฟอร์มทั้ง Facebook IG และ X ประกอบกับคนไทยเข้าถึงอินเตอร์เน็ตได้อย่างทั่วถึง รวมทั้งไทยมีผู้ประกอบการจำนวนมากจึงมีการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซได้เป็นอย่างดี ส่วนของจีนเรียกได้ว่าถึงจุดอิ่มตัว เนื่องจากมีผู้เล่นรายใหญ่ครองตลาดอยู่ไม่ว่าจะเป็น Taobao, Alibaba แล JD.com ดังนั้นจึงกลายเป็นตลาดที่ไม่หวือหวา แบรนด์หลายๆ แบรนด์จึงเลือกที่จะขยายตลาดมายังประเทศไทยมากขึ้น”
ด้าน Daniel Li Junzhe ผู้จัดการทั่วไปของ “Goumei Thailand” เผยถึงกลยุทธ์ MCN อีคอมเมิร์ซไทย และการทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์และโฆษณา ว่า โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคเป็นอย่างมาก โดยอันดับต้นๆ คือ พิมรี่พาย และวิน วิลเลี่ยม
ซึ่งสินค้าส่วนใหญ่ที่ได้รับความนิยมในไทยคือ FMCG, เครื่องสำอางและสกินแคร์ รวมถึงอาหาร เนื่องจากเนื้อหาที่สร้างโดยผู้ที่มีอิทธิพลมีผลต่อการตัดสินใจของผู้บริโภครวมถึงภาพลักษณ์แบรนด์ เช่นเดียวกันกับโฆษณาที่เกิดขึ้นโดยอินฟลูเอนเซอร์
ด้วยเหตุนี้จึงมีบริการ MCN (Multi Channel Network) จึงเกิดขึ้น โดย MCN จะเป็นเหมือนเอเจนซี่ที่รวบรวมเหล่าคนดังออนไลน์ไว้ เมื่อเจ้าของสินค้าต้องการขายสินค้าหรือบริการทางออนไลน์ ก็สามารถใช้บริการ MCN เพื่อส่งคนดังออนไลน์ไปช่วยขายและโปรโมทสินค้าหรือบริการให้กับแบรนด์ต่างๆ โดย MCN จะคิดค่าบริการในรูปแบบของส่วนแบ่งทางการค้า
“เรามีการสร้างความถี่ของคอนเทนต์ให้กับแบรนด์ เพื่อช่วยสร้างการรับรู้เพิ่มมากขึ้น อาทิ การลงคลิปสั้นจำนวนที่ถี่ขึ้น สามารถกระตุ้นยอดขายจาก 1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านบาทในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทั้งช่องทาง TikTok, IG และ Facebook”
ดังนั้น งานประชุม “อีคอมเมิร์ซประเทศไทย 2568” จึงเปรียบเสมือนบันไดสู่ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศจีนกับประเทศไทย ทำให้การขยายธุรกิจของจีนไปยังต่างประเทศไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป รวมทั้งธุรกิจของไทยที่ต้องการจะเป็นพันธมิตรกับธุรกิจในจีนก็สามารถที่จะเชื่อมต่อได้เช่นกัน จึงไม่แปลกที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซข้ามแดนจะขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว และกลายเป็นตลาดค้าปลีกขนาดใหญ่ของโลกได้
อ่านข่าวการตลาดและเทรนด์ กับ Thairath Money ได้ที่
https://www.thairath.co.th/money/business_marketing
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้
https://www.facebook.com/ThairathMoney