หากพูดถึงหนึ่งในผลไม้ที่เป็นที่นิยมของไทย ที่ได้รับการขนานนามว่า “ราชาผลไม้” ทั้งนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวจีน และคนไทยด้วยกันเองล้วนแต่อยากลิ้มลองในทุกฤดูกาล คงหนีไม่พ้น “ทุเรียน” ผลไม้ที่มีเปลือกเป็นหนาม เนื้อสีเหลืองทองอำพัน กับรสชาติเฉพาะตัวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกับผลไม้ใดๆ ในโลก อีกทั้งกลิ่น เนื้อสัมผัส ทำให้ใครๆ ต่างก็ต้องยกนิ้วให้ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า "ทุเรียนไทย" คือ พืชเศรษฐกิจหนึ่งเดียวที่นำรายเข้าประเทศลำดับต้นๆ ของสินค้าเกษตรส่งออก
แต่กระนั้น “ทุเรียน” ใช่ว่าจะเป็นผลไม้ที่ทุกคนชื่นชอบเสมอไป เพราะทุเรียนไม่ได้หอมหวานละมุนสำหรับทุกคน ทำให้พื้นที่สาธารณะหลายแห่ง ทั้งโรงแรม รถไฟฟ้า ต่างติดป้ายประกาศ “ห้ามนำทุเรียนเข้ามา” จนเกิดเป็นข้อบังคับทางกฎหมายขึ้น เพราะบางคนอาจจะไม่ประสงค์กลิ่น และรสชาติ
แต่ “ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท” กลับไม่ได้คิดเช่นนั้น เพราะล่าสุด ขานรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเทรนด์การท่องเที่ยวเชิงอาหารหรือ Gastronomy Tourism ในเมืองไทย พร้อมร่วมผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ชื่อดังอย่าง “ทุเรียนหมอนทอง” เดินหน้าจับมือ Toby’s Farm สวนทุเรียนคุณภาพระดับพรีเมียมจากจังหวัดจันทบุรี
เปิดตัวแคมเปญสำคัญรับช่วงไฮซีซั่นหน้าร้อน กับ “Durian Decadent Afternoon Tea” หยิบ “ราชาผลไม้ไทย” มาเป็นวัตถุดิบหลักในการรังสรรค์เมนูพิเศษสำหรับเซตน้ำชายามบ่ายในโรงแรมระดับ 5 ดาว มุ่งสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวและการเข้าพักที่น่าจดจำในทุกมิติ ด้วยกลยุทธ์การนำเสนอวัฒนธรรมทางอาหารที่แปลกใหม่ ร่วมสมัย และตอบโจทย์นักท่องเที่ยวยุคใหม่ที่ต้องการประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์และหาได้เฉพาะที่จุดหมายปลายทางนั้น ๆ
แซมมี่ คาโรลุส ผู้จัดการทั่วไป โรงแรมไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท กล่าวว่า อุตสาหกรรมโรงแรมและการท่องเที่ยวไทยกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นตัวที่แข็งแกร่ง ด้วยรายได้ธุรกิจโรงแรมที่คาดการณ์ว่าจะมีมูลค่าราว 9.0-9.6 แสนล้านบาทในปี 2567-2568 อัตราการเข้าพักและราคาห้องพักเฉลี่ยกลับมาใกล้เคียงระดับก่อนโควิด โดยครึ่งแรกของปี 2567 ไทยได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติกว่า 17.5 ล้านคน หรือ 88% ของระดับปี 2562
ช่วงเวลานี้จึงเป็นโอกาสทองของผู้ประกอบการในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่แตกต่างและโดดเด่น โดยเฉพาะการใช้แคมเปญเชิงวัฒนธรรมและอาหาร เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่กำลังกลับมาเที่ยวเมืองไทยอย่างคึกคักอีกครั้ง
นั่นจึงทำให้ “ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท” หวังร่วมขับเคลื่อนอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่กลับมาบูมสุดขีด พร้อมสนับสนุนการนำวัตถุดิบท้องถิ่นอันล้ำค่าของเมืองไทยอย่าง “ทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียม” มาให้ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ลิ้มลองในรูปแบบใหม่กับเซต Afternoon Tea เพื่อยกระดับซอฟต์พาวเวอร์ไทย พร้อมปรับให้เข้ากับบริบทสากลอย่างแท้จริง
“การท่องเที่ยวเชิงอาหาร กำลังก้าวขึ้นมาเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของภาคการท่องเที่ยวโลก และ “ประเทศไทย” ซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังจากวัฒนธรรมทางอาหาร ก็กำลังได้รับความนิยมในฐานะประเทศต้องห้ามพลาดของนักชิมทั่วโลก โดย Credence Research บริษัทวิจัยตลาดได้คาดการณ์ว่าตลาดการท่องเที่ยวด้านอาหารของไทยจะเติบโตจาก 32,489.66 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2567 เป็น 80,730.95 ล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2575 คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่สูงถึง 12.05% นอกจากนี้ ยังพบว่า 53% ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเลือกเมืองท่องเที่ยวจากอาหารและเครื่องดื่มที่อยากลิ้มลอง ด้วยเหตุนี้ ทำให้โรงแรมระดับ 5 ดาวอย่างไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท ผนึกกำลังกับสวนคุณภาพในท้องถิ่นเพื่อนำเสนอประสบการณ์ทางอาหารที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อรองรับนักชิมจากทั่วโลก” แซมมี่ กล่าว
ขณะเดียวกันด้านตลาดทุเรียนไทย ศักยภาพการเติบโตยังมีความโดดเด่น ตามรายงานของกระทรวงพาณิชย์ ประเทศไทยส่งออกทุเรียนสดมูลค่า 3,219.42 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2565 คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกสูงถึง 93.3% โดยมีตลาดหลักคือจีน ฮ่องกง และไต้หวัน ทั้งนี้ Mordor Intelligence รายงานว่าตลาดทุเรียนสดทั่วโลกคาดว่าจะเติบโตจาก 10.78 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 เป็น 16.89 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) 9.4%
ประเทศจีนยังคงเป็นตลาดหลักที่บริโภคทุเรียนมากถึง 91% ของดีมานด์ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ตลาดทุเรียนไทยยังเผชิญความท้าทายจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากประเทศเพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและเวียดนาม รวมถึงผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศและมาตรฐานการส่งออกที่เข้มงวด
ด้วยเหตุนี้ การยกระดับคุณค่าของทุเรียนไทยผ่านโมเดลธุรกิจใหม่ เช่น การสร้างประสบการณ์ตามเทรนด์ Gastronomy Tourism ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวยุคใหม่จึงเป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่จะช่วยเสริมศักยภาพและเพิ่มมูลค่าให้ราชาผลไม้ไทย
"การผสานซอฟต์พาวเวอร์ไทยอย่างทุเรียนเข้ากับประสบการณ์ Afternoon Tea ระดับโลก สะท้อนวิสัยทัศน์ของเราที่มองว่า 'นักท่องเที่ยวยุคใหม่ไม่ได้แค่ต้องการที่พัก แต่แสวงหาประสบการณ์ที่มีเอกลักษณ์และเปี่ยมเรื่องราว' โดยเฉพาะกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่ให้คุณค่ากับการแชร์ช่วงเวลาพิเศษผ่านโซเชียลมีเดีย" แซมมี่ กล่าว
แคมเปญ Durian Decadent Afternoon Tea เกิดจากความตั้งใจที่จะผสมผสาน ‘ความเป็นไทย’ และ ‘ความเป็นสากล’ เข้าด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อนำเสนอทุเรียน ซอฟต์พาวเวอร์เมืองไทย ในรูปแบบที่สดใหม่ ผ่านความประณีตของเมนูระดับ 5 ดาว ปีที่แล้วแคมเปญนี้ได้รับกระแสตอบรับที่ดีมากทั้งจากคนไทยและต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ฮ่องกง และไต้หวัน เราจึงร่วมมือกับ Toby's Farm เป็นปีที่สอง คัดสรรเฉพาะทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียม ประเทศไทยเป็นผู้ผลิตและส่งออกทุเรียนอันดับหนึ่งของโลก เราจึงให้ความสำคัญกับการสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าทางเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมยกระดับภาคการท่องเที่ยวและการเกษตรไทย สำหรับ Durian Decadent Afternoon Tea ที่จัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นี้ นับว่าเป็นมากกว่าแคมเปญประจำฤดูกาล แต่เรามองว่าแคมเปญพิเศษนี้ เป็นโอกาสที่จะทำให้ไฮแอท รีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท เป็นจุดหมายปลายทางที่นักชิมชาวไทยและทั่วโลกปักหมุดว่าต้องห้ามพลาดในช่วงหน้าร้อน"
โดยเลือกใช้ทุเรียนหมอนทองเกรดพรีเมียมที่มีรสชาติ กลิ่น และเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด เพื่อส่งมอบให้โรงแรมนำไปสร้างสรรค์เมนูอาหารสุดพิเศษในโรงแรมระดับ 5 ดาว ถือเป็นการลบภาพจำของโรงแรม 5 ดาวในปัจจุบันที่จะต้อง “ไร้ทุเรียนในโรงแรม”
ทั้งนี้ชุดน้ำชายามบ่ายในธีมทุเรียนหมอนทองพรีเมียม ประกอบไปด้วยของหวาน 7 รายการ ได้แก่ สโคนทุเรียนและแยมสับปะรด เค้กชิฟฟ่อนทุเรียน มูสส้ม ชีสทาร์ตทุเรียน พานาคอตต้าทุเรียน ข้าวเหนียวทุเรียน และมาการองมะขาม เสิร์ฟพร้อมกับเมนูคาว 3 รายการ ได้แก่ เปาะเปี๊ยะทุเรียนชีส แซนวิชอะโวคาโดซัลซ่า และแครกเกอร์ยำส้มโอ ภายในเซตประกอบไปด้วยเครื่องดื่มทั้งแบบร้อนและแบบเย็น ได้แก่ สมูตตี้ทุเรียน เครื่องดื่มสมุนไพร ชาและกาแฟพรีเมียม พร้อมด้วยเจลาโต้ทุเรียนจาก คาเฟ่ บอนจอร์โน (Café Buongiorno) พร้อมเสิรฟ์มังคุดสดช่วยตัดเลี่ยนได้อย่างลงตัว
โดยเซต Durian Decadent Afternoon Tea จะเสิร์ฟตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2568 – 31 พฤษภาคม 2568 ราคาจะอยู่ที่ 800++ บาทต่อคน และ 1,500++ บาทสำหรับ 2 คน
อ่านข่าวการเงินส่วนบุคคล และการวางแผนการเงิน กับ Thairath Money เพื่อให้คุณ "การเงินดีชีวิตดีได้ที่ https://www.thairath.co.th/money/personal_finance
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney