มูลค่าตลาดของ Hermès พุ่งขึ้นแตะ 307,000 ล้านยูโรหรือประมาณ 322,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังจากประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 4 ที่ทำรายได้สูงกว่าคาดการณ์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ก.พ.) จากแรงหนุนของความต้องการสินค้าที่ยังเพิ่มสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะรายได้จากกระเป๋า Birkin ที่ดันยอดขายรายไตรมาสเพิ่มขึ้นถึง 18% โดดเด่นกว่าคู่แข่งอย่าง LVMH, Kering และ Burberry Group Plc ที่ยังค่อย ๆ ฟื้นตัวจากผลกระทบของตลาดจีนที่ชะลอตัวทำให้ยอดขายสินค้าหรูหราทั่วโลกลดลงประมาณ 2% เมื่อปีที่ผ่านมา
Hermès เปิดเผยว่า รายรับรวมของกลุ่มบริษัทอยู่ที่ 15,200 ล้านยูโรในปี 2024 เพิ่มขึ้น เมื่อคำนวณตามอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ 15% โดยยอดขายในไตรมาสที่ 4 อยู่ที่ 3,960 ล้านยูโร เพิ่มขึ้น 18%
โดยพบว่ายอดขายเร่งตัวขึ้นในช่วงสิ้นปีและเติบโตเร็วที่สุดในภูมิภาคอเมริกาและญี่ปุ่น ทำให้รายได้จากการดำเนินงานประจำสำหรับปีนี้ยังสูงกว่าที่คาดไว้ด้วย โดยแผนกเครื่องหนังและอานม้าของ Hermès ซึ่งคิดเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของรายได้ของกลุ่ม เติบโตเร็วที่สุดที่ 21.5% จากการคาดการณ์ที่ 13%
ยอดขายหลักได้แรงหนุนจากฐานลูกค้าดั้งเดิมที่ยังคงทุ่มเงินซื้อผลิตภัณฑ์น้ำหอม และกระเป๋าหนังที่แบรนด์มุ่งเน้นเรื่องการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ระดับไฮเอนด์พร้อมกลยุทธ์รักษาระดับความหายาก ทำให้แบรนด์กำหนดมูลค่าของกระเป๋ารุ่นยอดนิยมอย่าง Birkin และ Kelly ได้สูงขึ้น (Pricing power) ขณะที่ความต้องการกระเป๋านั้นกลับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง การจำกัดการผลิตที่ให้อยู่ในระดับที่จะเพิ่มขึ้นประมาณ 6-7% ต่อปีนั้นยังทำให้บริษัทมีคำสั่งซื้อที่ค้างอยู่ ซึ่งช่วยรองรับอุปสงค์ที่ลดลงในช่วงที่ผ่านมาได้
ทั้งนี้ราคาหุ้นของ Hermès พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ที่เกินความคาดหมาย ซึ่งเพิ่มขึ้นสี่เท่าในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทเพิ่มขึ้นจนใกล้เคียงกับคู่แข่งรายใหญ่กว่าอย่าง LVMH ซึ่งสร้างรายได้มากกว่าห้าเท่าต่อปีและยังเป็นบริษัทจดทะเบียนที่ใหญ่ที่สุดในดัชนี CAC40 ของฝรั่งเศส โดยปัจจุบัน LVMH มีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 358,000 ล้านยูโรหรือประมาณ 375,531 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
(1 ยูโร = 1.04979 ดอลลาร์สหรัฐ)
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -