อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ ใช้เทรนด์แต่งบ้านสไตล์ Mid-Century เจาะลูกค้าทุก GEN

นางสาวกฤษชนก ปัทมสัตยาสนธิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อินเด็กซ์ ลิฟวิ่งมอลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ ILM กล่าวว่า กระบวนการออกแบบเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นสำหรับซีรีส์ ASAHIKAWA หรือ อาซาฮิกาวะ ให้ความสำคัญกับการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันในทุกแง่มุม

โดยเราพบว่าผู้บริโภคไม่ได้ยึดติดกับการแต่งบ้านตามแคตตาล็อกหรือซื้อเฟอร์นิเจอร์แบบยกเซ็ตเช่นในอดีต แต่กลับชื่นชอบการแต่งบ้านที่บ่งบอกสไตล์และความเป็นตัวเอง โดยการเลือก Mix and Match เพื่อเพิ่มความน่าสนใจ และมีมิติให้ห้องดูสวยแปลกตาอย่างมีเอกลักษณ์ สอดรับกับชีวิตยุคใหม่ที่ไม่จำเป็นต้องมินิมอลหรือโมเดิร์นมากจนเกินไป

สำหรับเฟอร์นิเจอร์ซีรีส์นี้เรียกว่าสไตล์ Mid-Century ซึ่งทีมดีไซเนอร์ของเราได้ออกแบบให้เฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นเต็มไปด้วยรายละเอียดที่โดดเด่น ตอบโจทย์ด้านการใช้งานและยังเป็นชิ้นงาน Masterpiece อยู่ในตัว จึงสามารถเลือกซื้อแยกชิ้น เพื่อนำไปแมตช์กับเฟอร์นิเจอร์เดิมในบ้านได้ตามใจ

ทั้งนี้จะซื้อทั้งชุดก็ทำให้ห้องดูคอมพลีตมากขึ้น จากดีเทลและองค์ประกอบที่แตกต่าง ทว่าสามารถบอกเล่าเรื่องราวไปในทางเดียวกันได้อย่างสวยงามกลมกลืน ซึ่งทำให้ ASAHIKAWA มีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างจากเฟอร์นิเจอร์ไม้จริงสไตล์ที่ผ่านๆ มาอย่างชัดเจน

นอกจากนี้ความโดดเด่นของดีไซน์เฟอร์นิเจอร์แล้ว แต่ละไอเทมยังถูกตีความการออกแบบเพื่อให้ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างคุ้มค่า โดยสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ใช้ได้กับทุกห้องภายในบ้านอย่างลงตัว บวกกับขนาดที่ไม่ใหญ่มาก ทำให้ลูกค้านำไปตกแต่งห้องโปรดทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม หรือแม้แต่อะพาร์ตเมนต์ เป็นการยืดหยุ่นเพื่อรองรับการอยู่อาศัยที่หลากหลาย และยังบอกเล่าเรื่องราวและสไตล์ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ

ทั้งนี้ตลาดเฟอร์นิเจอร์โดยรวมของไทยในปี 2567 – 2568 ก็มีแนวโน้มขยายตัวกว่า 4.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้านี้ เนื่องจากความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์สำหรับที่อยู่อาศัยมีข้อจำกัดจากภาคอสังหาริมทรัพย์ แต่ก็ยังมีความต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ในกลุ่มสำนักงานและกลุ่มโรงแรมเข้ามาชดเชยทำให้กำลังซื้อของตลาดยังพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

อีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงทำให้เฟอร์นิเจอร์ในเครือ ILM ยังคงเดินหน้าต่อได้ คือเฟอร์นิเจอร์ตอบโจทย์ด้านความยั่งยืน อาทิ เฟอร์นิเจอร์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุธรรมชาติลดการตัดไม้ทำลายป่า สามารถตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าในยุคสมัยใหม่ได้ และยังสอดรับกับกลยุทธ์ Sustainable Living for Future Lifestyleขององค์กรได้เป็นอย่างดี

นางสาวกฤษชนก กล่าวอีกว่า เรายังดึงกลยุทธ์ Nostalgia Marketing ที่ใช้ความคิดถึงและการโหยหาอดีตให้กลับมามีความสุขอีกครั้ง เพื่อรองรับสำหรับ GEN X ซึ่งเป็นกลุ่มที่คำนึงถึงประสบการณ์ช้อปที่ได้รับจะต้องมอบคุณค่าที่ดีกว่า ให้ความสำคัญเรื่องคุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ยังให้คุณค่าจากสิ่งเล็กๆน้อยๆ ที่จะทำให้ได้หวนนึกถึงความทรงจำดีๆ รวมถึง GEN Y ถือเป็นกลุ่มที่มีอิสระและแนวความชอบส่วนบุคคล มักเลือกช้อปและออกแบบไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่เป็นตัวเองอย่างชัดเจน

ทั้งนี้การเปิดตัว ASAHIKAWA SERIES ไม่ได้มีเพียงดีไซน์เพื่อขยายฐานสู่กลุ่มคนรุ่นใหม่ แต่เป็นโอกาสในการรักษาฐานลูกค้า GEN X-Y ซึ่งเป็นฐานลูกค้าหลักของ ILM (ปัจจุบันสมาชิก JOY Member สัดส่วนที่ 80% แบ่งเป็นหญิง-ชาย 70:30) นอกจากนี้ยังคงเดินหน้าสร้างประสบการณ์ช้อปให้แก่ลูกค้าด้วยโปรโมชันและสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าเพื่อกระตุ้นยอดขายให้เติบโตอย่างต่อเนื่องอีกด้วย