คาดเม็ดเงินโฆษณา-การตลาดปี 68 พุ่งแตะ 9.2 หมื่นล้านบาท อินฟลูเอนเซอร์มาแรง แตะ 3 ล้านราย

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

คาดเม็ดเงินโฆษณา-การตลาดปี 68 พุ่งแตะ 9.2 หมื่นล้านบาท อินฟลูเอนเซอร์มาแรง แตะ 3 ล้านราย

Date Time: 5 ก.พ. 2568 09:37 น.

Video

ดีเบต 'เงินเฟ้อ'  อาจารย์พิริยะ vs ซีเค เจิง จากเวที THBW2024

Summary

  • คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาและสื่อสารการตลาดของปี 2568 จะโต +4.5% อยู่ที่ 92,048 ล้านบาท Influencer กลายเป็นมอเตอร์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม จำนวนแตะเฉียด 3 ล้านราย หรือประมาณ 4.5% ของจำนวนประชากรไทย (เติบโตจากปี 2567 ที่เดิมอยู่ที่ 2 ล้านราย) ด้านธุรกิจต้องคว้าโอกาสจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ในภาคส่วนดิจิทัล ด้าน Thai Cultural Content บูม T-Pop และวงการบันเทิงไทยเติบโต วัฒนธรรมสายวายและยูริเป็นกระแสระดับโลก

Latest


MI GROUP คาดการณ์เม็ดเงินโฆษณาและสื่อสารการตลาดของปี 2568 จะโต +4.5% อยู่ที่ 92,048 ล้านบาท โดยมีปัจจัยหลักจากการเติบโตอย่างต่อเนื่องของสื่อดิจิทัลรวมถึงสื่อโซเชียลที่โต +16% โดยเป็นสื่ออันดับ 1 ติดต่อกันเป็นปีที่ 2 มูลค่า Online Spending รวมแตะ 38,938 ล้านบาท ขณะที่สื่อนอกบ้านโต +10% ส่วนสื่อดั้งเดิมหลักถดถอยต่อเนื่อง โดยปีนี้ สื่อดิจิทัล สื่อโทรทัศน์ และสื่อนอกบ้าน ยังคงมีบทบาทสำคัญที่แตกต่างแต่ส่งเสริมกันในการทำการตลาด โดยแบ่งสัดส่วนเป็นสื่อดิจิทัล 45% ในขณะที่สื่อออฟไลน์โดยรวมอยู่ที่ 55%

ปี 2568 โอกาสอยู่ตรงไหนบ้าง

นายภวัต เรืองเดชวรชัย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มีเดียอินเทลลิเจนซ์กรุ๊ป จำกัด เปิดเผยว่า ปี 2568 เป็นปีแห่งความท้าทายที่อาจกลายเป็นโอกาสทองที่ธุรกิจและผู้ประกอบการต้องตั้งรับและปรับตัวได้ดี ทั้งโอกาสจากการเติบโตของเทคโนโลยี AI และอุตสาหกรรมใหม่ ๆ ในภาคส่วนดิจิทัล เช่น ธุรกิจ Data Center และ Cloud Service ที่มีแผนเข้ามาลงทุนในไทย การท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวทั้งจากภายในและจากนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

“การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) และการท่องเที่ยวเชิงธุรกิจอีเวนท์ (MICE: Meetings, Incentive Travel, Conventions, Exhibitions) ของไทยเติบโตต่อเนื่อง มาตรฐานการแพทย์ระดับสากลของไทย จะยิ่งดึงดูด Medical Tourists นอกจากนี้นักท่องเที่ยว LGBTQ+ ที่คาดว่าจะเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้นจากนโยบายสมรสเท่าเทียม ดันไทยเป็น Wedding Destination สำหรับคู่รักจากทั่วโลก และมากไปกว่านั้น คือ Soft Power โดยเฉพาะ Thai Cultural Content ที่บูมขึ้นและได้รับการตอบรับและสนใจมากขึ้นในตลาดสากล อาทิ T-Pop และวงการบันเทิงไทยเติบโต, วัฒนธรรมสายวาย (BL) และยูริ (GL) เป็นกระแสระดับโลก รวมถึงอาหารไทยและแฟชั่นไทยบูมมากในตลาดสากล”

Influencer มอเตอร์ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมโฆษณา

หากมองเจาะไปที่สื่อดิจิทัล สัดส่วนใหญ่ที่สุดจะอยู่ที่การใช้ “Influencer” ที่มีตัวตนในแพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ โดยในปีนี้ได้ประเมิน จำนวน Influencer ในไทยน่าจะแตะเฉียด 3 ล้านราย หรือประมาณ 4.5% ของจำนวนประชากรไทย (เติบโตจากปี 2567 ที่เดิมอยู่ที่ 2 ล้านราย)

โดยการเติบโตหลักมาจาก Micro และ Nano ที่มาในรูปแบบของผู้ใช้จริง (KOC) และพ่อค้า แม่ค้า นักขาย ทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นที่เข้าร่วมทำ Affiliate Marketing กับแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ผู้ประกอบการและแบรนด์ เน้นการสื่อสารการตลาดเพื่อดันยอดขายโดยตรงเป็นหลัก (Lower Funnel Marketing) จึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้การใช้ Influencer เติบโตสูง ในขณะที่การสื่อสารการตลาดที่มุ่งการรับรู้และการสร้างแบรนด์ (Thematic Ad) ยังคงมีความสำคัญแต่แค่เป็นรอง

กลุ่มสินค้าและบริการที่คาดว่าจะใช้งบสื่อสารการตลาดเพิ่มขึ้นในปีนี้ ได้แก่ 

  • สินค้าและบริการเกี่ยวกับการท่องเที่ยวและการพักผ่อนหย่อนใจ อาทิ โรงแรม สายการบิน แพลตฟอร์มและแอปพลิเคชันท่องเที่ยว
  • ประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และโบรกเกอร์ประกัน
  • วิตามิน อาหารเสริม และยา
  • โฆษณาจากภาครัฐ
  • การขนส่ง เช่น บริการส่งอาหาร ส่งพัสดุ
  • อาหารและสินค้าเพื่อสัตว์เลี้ยง
  • สถาบันการเงินที่ไม่ใช่ธนาคาร

กลุ่มสินค้าและบริการที่คาดว่าจะใช้งบสื่อสารการตลาดลดลงในปีนี้ ได้แก่ 

  • E-Marketplace เช่น Shopee, Lazada
  • เครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น น้ำอัดลม กาแฟ
  • ร้านอาหาร
  • ของใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น สบู่ ยาสีฟัน
  • ผลิตภัณฑ์เพื่อการเกษตร

นายภวัต กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะเดียวกันนโยบายแข็งกร้าวของสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์อาจส่งผลให้ไทยกลายเป็นศูนย์กลางการลงทุนใหม่ในอาเซียนและเอเชียอีกด้วย การเพิ่มมาตรการกีดกันทางการค้าต่อจีนของสหรัฐฯ ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติบางส่วนต้องหาทางเลือกใหม่ในการตั้งฐานการผลิต ไทยและอาเซียน โดยเฉพาะเวียดนาม มาเลเซีย และอินโดนีเซีย รวมถึงประเทศไทยที่มีความได้เปรียบหลายอย่าง เช่น ทำเลที่ตั้งเชิงยุทธศาสตร์ เหมาะกับการเป็นศูนย์กลางการลงทุนในอาเซียน ตลอดจนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเชิงรุกทั้งระยะกลางและระยะยาว

อย่างไรก็ตามปัจจัยลบและความท้าทายที่ต้องจับตามอง อันดับแรก คือ ภาวะเศรษฐกิจโลกยังคงเปราะบาง หลายประเทศที่เป็นคู่ค้าหลักของไทยยังอยู่ในสภาวะซบเซาหรือยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร อัตราดอกเบี้ยสูงในสหรัฐฯ และยุโรปอาจส่งผลต่อการค้าและการลงทุนของไทย การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนยังไม่ฟื้นตัว หรือยังฟื้นไม่เต็มที่
สินค้าจากจีนทะลักเข้าไทยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อผู้ประกอบการไทยในการแข่งขัน ความอ่อนแอและเปราะบางของ SMEs ไทยที่ขาดความรู้ ความเชี่ยวชาญในทักษะเพื่อการแข่งขันในโลกยุคใหม่ และข้อจำกัดในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนแม้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเริ่มมีผล แต่ยังต้องใช้เวลาในการสร้างความเชื่อมั่นและเห็นผลเป็นรูปธรรม

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   

 


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ