ตลาดแบรนด์เนมมือสองไทย พุ่งแตะ 4 หมื่นล้าน ขึ้นแท่นฮับอาเซียน สินค้ารุ่นใหม่-ทันสมัย เหนือญี่ปุ่น

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ตลาดแบรนด์เนมมือสองไทย พุ่งแตะ 4 หมื่นล้าน ขึ้นแท่นฮับอาเซียน สินค้ารุ่นใหม่-ทันสมัย เหนือญี่ปุ่น

Date Time: 28 ม.ค. 2568 11:21 น.

Video

อธิบายทีเดียวว่า ทำไมฟองสบู่ AI จะไม่แตกซ้ำรอยดอทคอม? | Digital Frontiers EP.51

Summary

Bagnifique.brandname ศูนย์รวมแบรนด์เนมแท้อันดับ 1 จ่อสยายปีกเปิดสาขาทั่วไทย เตรียมแผนระดมทุนเข้าตลาดหุ้น พร้อมเปิดขุมทรัพย์มูลค่าตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือ2ของไทยปีละกว่า 4 หมื่นล้าน ตั้งเป้าดัน "แบรนด์เนมมือสองไทย" สู่ตลาดโลก

Latest


เศรษฐกิจฝืดคนแห่เอาแบรนด์เนมมาแลกเป็นเงิน ขณะที่แบรนด์เนมมือหนึ่งราคาขึ้นทุกปี ปีละสามถึงสี่ครั้ง การซื้อแบรนด์เนมมือสองจึงถือเป็นทางเลือกที่ชาญฉลาดและยั่งยืน…

ข้อมูลจาก Bagnifique.brandname เผยว่า มูลค่าซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองของไทยในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 4 หมื่นล้านบาท ยิ่ง Luxury Brand เข้ามาเปิดสาขา ยิ่งดันธุรกิจแบรนด์เนมมือสองโตต่อเนื่อง ด้านคนรุ่นใหม่ใช้แบรนด์เนมเสริมการสร้างภาพลักษณ์แต่ต้องการทางเลือกที่คุ้มค่ามากขึ้น เพื่อนบ้านเมียนมา กัมพูชา ลาว เดินทางเข้ามาซื้อแบรนด์เนมมือสองในไทย ขณะที่นักสะสมในเอเชียมอง “ไทย” สินค้ารุ่นใหม่-ทันกระแส เหนือกว่าญี่ปุ่นที่เน้นของวินเทจ

Bagnifique.brandname ศูนย์รับซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองไทย แถลงเปิดตัวธุรกิจอย่างเป็นทางการ ปักหมุดเป็นผู้นำวงการและการเป็น “ศูนย์กลางซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมของไทย-อาเซียน” ผ่านจุดแข็งธุรกิจทั้งด้านระบบหลังบ้านที่แข็งแกร่งและฐานลูกค้าที่เติบโตต่อเนื่องกว่า 13 ปี ตั้งเป้าเป็นผู้สร้างระบบ International Trader สำหรับสินค้ามือสอง พร้อมสร้างระบบซื้อขายให้กับพาร์ทเนอร์ในภูมิภาค เพื่อวิสัยทัศน์ใหญ่ ดันไทยสู่การเป็น Landmark แบรนด์เนมมือสองระดับภูมิภาค

น่านน้ำใหม่ Retail- Rental - Travel

ธารารัตน์ อนุรัตน์บดี ประธานกรรมการบริหารและผู้ก่อตั้ง Bagnifique.brandname เปิดเผยว่า เมื่อตลาดเกิดดีมานด์และมีซัพพลายของคนที่ต้องการปล่อยของรักที่มีคุณค่าส่วนตัวออกมา พร้อมทั้งการเกิดขึ้นช่องทางการซื้อขายออนไลน์ที่หลากหลายทำให้ธุรกิจซื้อขายสินค้ามือสองมีโอกาสในการขยายตลาด

โมเดลธุรกิจซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าที่หลากหลาย ตั้งแต่ผู้ที่มองหาความคุ้มค่าด้านราคา ผู้ที่ต้องการสินค้าหายาก สินค้ารุ่นพิเศษ ผู้ที่ต้องการเช่าสินค้าเพื่อใช้งานชั่วคราว ไปจนถึงขาของธุรกิจรีเทลหรือห้างสรรพสินค้าที่มองเป็นโอกาสในการขยายตลาดสินค้าแฟชั่นของตนเอง เหล่านี้จึงล้วนเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ตลาดซื้อขายสินค้าแบรนด์เนมมือสองในไทยมีการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองทั่วโลก

“นอกจากนี้ ไทย ได้กลายเป็นทางเลือกใหม่ของผู้ซื้อในตลาดมือสอง นอกจากสิงคโปร์และญี่ปุ่น แม้ว่า ญี่ปุ่น ที่ขึ้นชื่อว่าเป็น Top of Mind ของตลาดแบรนด์เนมมือสองของภูมิภาคเอเชียและมีมูลค่าอยู่กว่าแสนล้าน แต่ปัจจุบันตลาดแบรนด์เนมมือสองในญี่ปุ่นชะลอตัว เพราะปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อการจับจ่ายใช้สอย ทำให้สินค้าหมุนเวียนในตลาดแบรนด์เนมมือสองส่วนใหญ่เป็นรุ่นเก่าที่ออกมาเมื่อ 10-20 ปีที่แล้ว ซึ่งจะแตกต่างกับภาพรวมตลาดแบรนด์เนมมือสองไทยที่จะเน้นสินค้าในกระแสและเป็นรุ่นใหม่มากกว่า”

ทั้งนี้ ธารารัตน์ เปิดเผยถึงแผนร่วมมือกับหน่วยงานรัฐที่จะร่วมกันผลักดันให้ตลาดแบรนด์เนมมือสองเป็นอุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ โดยเชื่อว่าระบบการดำเนินการและประสบการณ์หลายปีในวงการ Bagnifique.brandname จะช่วยสร้างมาตรฐานให้กับตลาดแบรนด์เนมมือสองและทำให้ไทยได้รับการยอมรับในระดับนานาชาติ

โดยที่ผ่านมาได้เสนอแผนและหารือร่วมกับหน่วยงานรัฐบางแห่ง อาทิ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ หอการค้าไทย รวมถึงกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เพื่อตั้งเป้าหมายร่วมกันในการทำให้ “ไทย” เป็นแลนด์มาร์กของตลาดแบรนด์เนมมือสองที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้ามาจับจ่ายใช้สอยและทำให้สินค้าแบรนด์เนมมือสองเป็น Must-Buy Item หรือสินค้าที่ต้องซื้อเมื่อมาเที่ยวที่ประเทศไทย สอดคล้องไปกับการเติบโตของตลาด Luxury ในไทยที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นจุดหมายปลายทางของ Super Brand ในขณะนี้

มูลค่าซื้อขายแบรนด์เนมมือสองไทย โต 4 หมื่นล้าน

“ตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองมีมูลค่าและขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากลูกค้าคนไทยและลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีทั้งเศรษฐี นักธุรกิจ นักลงทุน อินฟลูเอนเซอร์ และผู้มีกำลังซื้อ ได้เข้ามาซื้อสินค้าแบรนด์เนมทั้งมือหนึ่งและมือสองในไทยจำนวนมาก”

นายธานี สามสีเจริญลาภ ซีเอฟโอฝ่ายการเงินและบัญชี ให้ความเห็นว่า สาเหตุสำคัญที่มูลค่าตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสองเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยเฉพาะหลังวิกฤติโควิด-19 ที่ตลาดซื้อขาย Luxury Brand ทั้งกระเป๋า เสื้อผ้า รองเท้า และเครื่องประดับต่างๆ เนื่องจากผู้บริโภคโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ให้ความสำคัญกับการสร้างภาพลักษณ์และต้องการเป็นเจ้าของสินค้าที่มีคุณภาพสูงในราคาที่จับต้องได้และสามารถเข้าถึงแบรนด์หรูได้ในราคาที่ถูกกว่า แต่ยังคงคุณค่าของความเป็น Luxury Brand

เทรนด์ที่เห็นยังพบว่า ผู้บริโภค Luxury Brand บางกลุ่มยังมองว่าสินค้ามือสองเป็นวิธีในการหา “สินค้า Rare Item” หรือ “Limited Edition” ที่ไม่สามารถหาซื้อได้จากหน้าร้าน และมากไปกว่านั้นการใช้สินค้ามือสองยังส่งเสริมคุณค่าการใช้ซ้ำและยืดอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ทำให้เกิดความยั่งยืนซึ่งสอดคล้องไปกับเทรนด์โลก ทำให้แบรนด์เนมมือสองกลายเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและน่าสนใจ เพราะราคาจะลดลงจากสินค้าใหม่ในช็อปมากถึง 30-70%

นอกจากนี้ โซเชียลมีเดีย ได้เข้ามาเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดการตกลงซื้อขายกันได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น รวมทั้งเศรษฐกิจที่ชะลอตัวช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้มีการนำสินค้าแบรนด์เนมออกมาขายเพื่อสร้างสภาพคล่องทางการเงินหรือแลกเปลี่ยนเป็นเงินสดให้กับเจ้าของหรือผู้ครอบครองได้ง่าย ขณะเดียวกัน ยังเกิด New money หรือ "เศรษฐีใหม่" ที่ต้องการใช้สินค้าแบรนด์โดยเริ่มจากการใช้แบรนด์เนมมือสอง โดยแบรนด์ตัวท็อปที่ตลาดมองหายังเป็นแบรนด์ Louis Vuitton, Chanel, Hermes และ Gucci ส่วนสินค้ายังเป็นกระเป๋า นาฬิกา และเครื่องประดับ ทั้งรองเท้าและเสื้อผ้า

รู้จัก Bagnifique.brandname

Bagnifique.brandname ก่อตั้งขึ้นจากความชื่นชอบในการกระเป๋าแบรนด์เนมและอยากจะเป็นเจ้าของ แต่การจะเข้าถึงและเป็นเจ้าของได้ยากเพราะราคาที่สูง จึงเกิดไอเดียในการทำให้ผู้คนสามารถเข้าถึงกระเป๋าแบรนด์เนมเข้าถึงได้ง่ายขึ้นในราคาที่ย่อมเยา นำมาสู่การเปิดรับซื้อขายแลกเปลี่ยนกระเป๋าแบรนด์เนมมือสองร้านแรกที่เมกะบางนา โดยเชื่อว่าสินค้าแบรนด์เนมเป็นสิ่งที่แบ่งปันหรือ “Sharing” กันได้

ปัจจุบัน Bagnifique.brandname ก่อตั้งมาเป็นเวลา 13 ปี มีสินค้าแบรนด์เนมมากกว่า 10,000 รายการ มูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท โดยมีสินค้าทุกแบรนด์ชั้นนำทั้งรุ่นยอดนิยม ไปจนถึงรุ่นหายาก ซึ่งจะเน้นไปที่กระเป๋าสัดส่วน 90% และอีก 10% เป็น Accessories เช่น เครื่องประดับและนาฬิกา โดยปัจจุบันได้ขยายเพิ่มขึ้นมาเป็น 5 สาขาในห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วกรุงเทพและปริมณฑล ประกอบด้วย สาขา เมกะบางนา, เซ็นทรัล เวสต์เกต, เดอะมอลล์ บางกะปิ, แฟชั่น ไอส์แลนด์, ซีคอนสแควร์ พร้อมทั้งช่องทางการซื้อขายออนไลน์ทุกช่องทาง

ธารารัตน์ อธิบายถึงเบื้องหลังระบบหลังบ้านที่เป็น Key Success ของธุรกิจว่า จุดแข็งต่อเนื่องตลอด 13 ปี คือ ระบบ Operation ที่สร้างมาอย่างแข็งแกร่ง ตั้งแต่การกำหนดมาตรฐานในการคัดเลือกกระเป๋าที่สอดคล้องไปกับมาตรฐานระดับโลก การจัดตั้งทีมงานศูนย์กลางการรับซื้อ การเก็บข้อมูลออนไลน์ที่เชื่อมถึงกันทั้งระบบ การจัดการดูแลสินค้าและขั้นตอนการตรวจสอบสินค้าก่อนนำส่งออกขายโดยผู้เชี่ยวชาญ ตลอดจนการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย

ต่อเนื่องด้วย การแก้ไขเพนพอยท์การรับซื้อ-ฝากขาย ผ่านการให้บริการที่ครอบคลุมความต้องการของลูกค้าครบจบได้ในที่เดียว ตั้งแต่การรับซื้อไปจนถึงการนำสินค้ากลับมาแลกเปลี่ยน-ฝากขาย-ขายและส่งต่อได้อย่างครบวงจร โดยจะเน้นไปที่บริการรับซื้อสินค้าที่ลูกค้าที่นำสินค้ามาขายจะได้รับเงินทันที ซึ่งแตกต่างจากร้านอื่นในไทยที่เน้นฝากขายเป็นส่วนใหญ่ซึ่งอาจต้องใช้เวลานาน

ทั้งนี้ได้เปิดเผยภาพรวมธุรกิจของ Bagnifique.brandname ว่า มูลค่าการซื้อขายย้อนหลัง 4 ปี (2564-2567) มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2564 มีมูลค่าการซื้อขาย 164 ล้านบาท ปี 2565 มูลค่า 210 ล้านบาท ปี 2566 มูลค่า 480 ล้านบาท และล่าสุดปี 2567 มีมูลค่าการซื้อขายรวมประมาณ 640 ล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้น 160 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นกว่า 30% จากปี 2566 ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตที่สอดคล้องไปกับการเติบโตของตลาดสินค้าแบรนด์เนมมือสองทั่วโลก

ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ -   


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ