
“มัลดีฟส์” เปิดประเทศแรก ที่เปิดรับนักท่องเที่ยวก่อนทุกประเทศบนโลก หลังวิกฤติโควิด-19 นั่นทำให้ประเทศหมู่เกาะ ที่เปรียบเป็นสวรรค์ของนักเดินทางแห่งนี้ มีจำนวนนักท่องเที่ยวกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เปิดโอกาสให้กับธุรกิจ โรงแรม-รีสอร์ต และพูลวิลล่า ของกลุ่มทุนต่างๆ
ข้อมูลเมื่อ ปี 2565 พบว่า มัลดีฟส์ มีจำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 1.6 ล้านคน ขณะ 23.7% นั้น เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย แต่ที่น่าสนใจ พบว่า เป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยเกือบ 16,000 คน เพิ่มขึ้นมากกว่า 1,800% จากปี 2564 ที่มีต่ำกว่า 900 คน ส่วนปีที่ผ่านมา มัลดีฟส์ตั้งเป้า จำนวนนักท่องเที่ยวมากกว่า 2 ล้านคน
ขณะ ข้อมูลจากกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งมัลดีฟส์ เผย การเข้ามาท่องเที่ยวเข้าพักเฉลี่ยต่อทริป ยาวมากว่า 7 วัน จากโครงการที่พัก มากกว่า 1,200 แห่ง ทั้ง รีสอร์ต, โรงแรม 5 ดาว และเกสต์เฮาส์ สะท้อน “มัลดีฟส์” เป็นประเทศยอดฮิตตลอดกาลของนักท่องเที่ยวทั่วโลก รวมถึงคนไทยด้วย เพราะกลายเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวสำคัญ ขณะ TOP 3 ได้แก่ จีน , อินเดีย และ รัสเซีย
ข้อมูลจาก paradiseintertour.com สรุปไว้ มัลดีฟส์มีดีอะไรดี? ดังนี้
เจาะแง่การลงทุน CBRE Thailand ชี้ว่า “มัลดีฟส์” คือ ทำเลใหม่สำหรับการลงทุนอสังหาฯ จับสัญญาณ ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2565 จำนวนนักท่องเที่ยวก็กลับมาเพิ่มขึ้นจนเกือบถึงระดับเดียวกับช่วงก่อนการแพร่ระบาด และเมื่อเปรียบเทียบกับบาหลี เมืองตากอากาศยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคเดียวกัน มัลดีฟส์ถือว่าฟื้นตัวได้เร็วกว่ามาก โดยช่วงปีที่ผ่านมา อัตราการเข้าพักในมัลดีฟส์ยังคงอยู่ในระดับสูงคือมากกว่า 60%
กลายเป็นจุดเด่นดึงดูด การเข้าไปลงทุนใน โครงการวิลล่าและที่พักตากอากาศที่บริหารโดยเครือโรงแรม (Branded Residence) เพื่อรับโอกาส เทรนด์การท่องเที่ยวหรูหราแต่ยั่งยืน
ล่าสุด เห็นการขยับเคลื่อนไหวเชิงรุกอย่างต่อเนื่องของทุนไทย เจ้าของโปรเจกต์ยักษ์ “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” อย่าง บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) ภายใต้การบริหาร ของ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด และบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ลุยเปิดโรงแรมแห่งที่ 3 “โซ มัลดีฟส์” อย่างยิ่งใหญ่ หลังจากทุ่ม 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ กับ Wai Eco World Developer (WEWD) กลุ่มธุรกิจชั้นนำ ด้านต้อนรับและการบริการ
ซึ่งนั่นทำให้ปัจจุบัน แค่ในเกาะมัลดีฟส์ สิงห์ฯ มีโรงแรม-รีสอร์ต ปักหมุดแล้ว 3 แห่ง (ตามแผน 9 เกาะสัมปทาน) หลัง “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” เปิดตัวครั้งแรกในเดือนกันยายน ปี 2562 และนับเป็นโครงการที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวมัลดีฟส์ ประกอบไปด้วย
“ไมเคิล มาร์แชล” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท หรือ SHR เผยว่า ปัจจุบัน “ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์” สามารถ ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก ได้มากกว่า 211,300 ราย และกระจายไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เช่น การเดินทางแบบครอบครัวและกลุ่มบริษัท
ซึ่ง “โซ มัลดีฟส์” นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับของโปรเจกต์ ภายใต้เป้าหมาย ต้องการให้เป็น จุดหมายปลายทางด้านการพักผ่อนแบบครบวงจรแห่งแรกและแห่งเดียวบนมหาสมุทรอินเดีย
สำหรับรายละเอียด “โซ มัลดีฟส์” (SO/ Maldives) เป็น รีสอร์ตระดับไฮเอนด์ ระดับ 6 ดาว บนเกาะส่วนตัว เป็นสวรรค์ของนักเดินทางผู้หลงใหลในแฟชั่นและศิลปะ เชื่อมต่อกับ “เดอะมาริน่า แอท ครอสโร้ดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ศูนย์รวมกิจกรรมอันหลากหลายของ ครอสโร้ดส์ มัลดีฟส์ ตั้งแต่ทางเดินบนชายหาดยาวกว่า 800 เมตร เรียงรายไปด้วยร้านอาหารนานาชาติ บาร์ บีชคลับ ร้านค้าบูติก ศูนย์สุขภาพและสปา กีฬาทางน้ำ ศูนย์ดำน้ำลึกและดำน้ำตื้น คิดส์คลับ รวมถึงท่าจอดเรือยอชต์ 30 ลำ ไปจนถึงศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรม (Maldives Discovery Centre) และศูนย์การเรียนรู้ทางทะเล (Marine Discovery Centre)
ถูกพัฒนา ให้เป็นจุดหมายปลายทาง ในธีม “see-and-be-seen” (การเป็นที่รู้จักและโดดเด่น) ถูกผสานเข้าไว้ในประสบการณ์ทั้งหมดของ โซ มัลดีฟส์ ประกอบด้วย
มีขนาดตั้งแต่ 120-330 ตารางเมตร ได้รับแรงบันดาลใจการออกแบบจากห้องแต่งตัวสุดเอ็กซ์คลูซีฟของสุดยอดนางแบบ เพื่อให้เป็นสถานพักสุดเซ็กซี่และหรูหราเหนือระดับอย่างแท้จริง
รวมถึงประสบการณ์ด้านอาหารหลากหลายที่เป็นนวัตกรรมใหม่และสถานที่พบปะทางสังคม และ “Lazuli Beach Club” (ลาซูลิ บีชคลับ) ที่ให้ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศอันคึกคักของปาร์ตี้ในยามค่ำคืน สนุกกับการมิกซ์เพลงของดีเจระดับโลก ไปจนถึง “Wellness Camp” ศูนย์การผ่อนคลายแบบองค์รวม และศูนย์ออกกำลังกายครบวงจรทันสมัย
ไมเคิล ยังกล่าวว่า หลังจาก “โซ มัลดีฟส์” เปิดตัวอย่างไม่เป็นทางการ เมื่อปลายปีที่ผ่านมา พบเพียงแค่ 4 เดือน มีจำนวนผู้เข้าพักเพิ่มขึ้นเกือบ 60% ในเดือนกุมภาพันธ์ และคาดว่าอัตราค่าห้องพักรายวันเฉลี่ย (ADR) ในปี 2567 นี้ จะอยู่ประมาณ 750-850 ดอลลาร์สหรัฐ หรือ 27,000-30,600 บาทต่อคืน
ซึ่งนั่น ส่งผลให้ ADR สำหรับกลุ่มโรงแรมในมัลดีฟส์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 15-20% ในปีนี้ เมื่อเทียบกับปี 2566 เป็นไปตามกลยุทธ์การดำเนินงานที่กำหนดไว้ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา ตอกย้ำ SHR เรื่องศักยภาพการเติบโตที่แข็งแกร่ง โดย RevPAR คาดว่าจะ เพิ่มขึ้น 25% ในปีนี้
“การเปิดตัว “โซ มัลดีฟส์” ซึ่งเป็นที่ตั้งของ The Citronelle Club แหล่งรับประทานอาหารที่หรูหราที่ให้บริการตลอดทั้งวัน ไปจนถึง “Hadaba” ร้านอาหารตะวันออกกลางอันเป็นเอกลักษณ์ของรีสอร์ต และ “Lazuli Beach Club” เพื่อผลักดันรายได้อาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้นอีก 15% จากรีสอร์ตในมัลดีฟส์ของกลุ่มในปี พ.ศ. 2567 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายโดยรวมของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ในการเพิ่มรายได้ที่ไม่ใช่ห้องพัก ทั้งหมดในปีนี้ “
สำหรับ SO Hotels & Resorts ปัจจุบันเป็นโรงแรม ที่ตั้งอยู่ในเมืองสำคัญๆ เช่น เบอร์ลิน, มอริเชียส, กรุงเทพฯ, เซนต์ปีเตอร์ส์เบิร์ก, สิงคโปร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแอคคอร์ เครือข่ายโรงแรมและการบริการชั้นนำระดับสากล โดยมีโรงแรม รีสอร์ต และเรสซิเดนซ์กว่า 5,100 แห่ง รวมถึงร้านอาหารและบาร์กว่า 10,000 แห่ง ใน 110 ประเทศทั่วโลก
ที่มา : สิงห์ เอสเตท , paradiseintertour.com , วิจัยกรุงศรี ,CBRE
ติดตามข่าวสารด้านการตลาด กับ Thairath Money ได้ที่
ติดตามเพจ Facebook : Thairath Money ได้ที่ลิงก์นี้ https://www.facebook.com/ThairathMoney