สู่ความยั่งยืน

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สู่ความยั่งยืน

Date Time: 14 พ.ย. 2566 05:45 น.

Latest

ซีคอนฯ ทุ่ม 2,500 ล้าน เปิดตัว “MyScape” พร้อมปรับโฉม 2 ห้างใหญ่ หวังเป้ารายได้ปี 68 โต 10%

ภายหลังจากสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย ทำให้เจ้าพ่อตลาดพรมและตลาดเฟอร์นิเจอร์ระดับโลกอย่างบริษัท ทีซีเอ็ม คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (TCMC) ที่มี “พิมล ศรีวิกรม์” เป็นประธาน พร้อมรุกกระหึ่มอย่างทั่วด้านทั้ง 3 ธุรกิจหลักของกลุ่ม ได้แก่ กลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ ธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิว และกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์

“พิมล” กล่าวว่า ขณะนี้ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจพร้อมเดินหน้าเติบโตรับตลาดฟื้นตัวปรับสู่ภาวะปกติ โดยผลประกอบการในไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 ยังคงทำรายได้กว่า 2.14 พันล้านบาท กำไรสุทธิ 27.3 ล้านบาท ทั้ง 3 กลุ่มธุรกิจของกลุ่มพร้อมเติบโตตามสถานการณ์ตลาดที่ฟื้นตัว โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ที่มีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์สู่กลุ่ม Geo-Textile และ non-carpet เพิ่มความหลากหลายให้สินค้า ขณะที่ธุรกิจวัสดุตกแต่งพื้นผิวฟื้นตัวชัดเจนตามธุรกิจท่องเที่ยว ด้านกลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์รายได้ปรับตัวกลับสู่ภาวะปกติ

โดยกลุ่มทีซีเอ็มซีมีรายได้จากการขายและบริการในไตรมาสที่ 2 ปี 2566 จำนวน 2,140.61 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 2,384.53 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.23 และมีผลประกอบการเป็นกำไรสุทธิ 27.30 ล้านบาท สูงขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีผลกำไรสุทธิ 6.38 ล้านบาท จากสถานการณ์ตลาดที่เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติและผลของการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงานของทุกกลุ่มธุรกิจ

ทั้งนี้ จากการฟื้นตัวของตลาดท่องเที่ยวและโรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าหลักของธุรกิจ นโยบายเพิ่มประสิทธิภาพส่งผลให้กลุ่มธุรกิจมีรายได้จากการขายสินค้าและบริการจำนวน 580.45 ล้านบาท สูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นร้อยละ 17.95 ถึงแม้ว่ากลุ่มธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากค่าขนส่ง ค่าแรง และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากสภาพตลาด

ทางด้านกลุ่มธุรกิจพรมและผ้าหุ้มเบาะรถยนต์ (TCM Automotive) ฟื้นตัวตามสถานการณ์ตลาด ส่งผลให้สามารถทำยอดขายสูงขึ้นกว่าปีก่อนได้ถึงร้อยละ 8.79 และสามารถทำอัตรากำไรขั้นต้นได้ร้อยละ 29.42 เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนแผงวงจรในอุตสาหกรรมรถยนต์กลับสู่ภาวะปกติ

ในขณะที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ (TCM Living) รายได้กลับสู่สภาวะปกติทั้งจากสภาพตลาดและสภาวะเศรษฐกิจของอังกฤษ ส่งผลให้รายได้ปรับตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นช่วงที่มีรายได้สูงกว่าปกติ แต่ทั้งนี้รายได้นับว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่บริษัทวางไว้ จากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการบริหารต้นทุน ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสูงขึ้นจากร้อยละ 14.12 ในปีก่อน เป็นร้อยละ 20.15 ในปีนี้

จากนี้ทางกลุ่มจะยังคงรับรู้ผลการดำเนินงานที่ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องตามสภาวะตลาดที่ฟื้นตัวในแต่ละกลุ่มธุรกิจ และจากการบริหารจัดการเรื่องต้นทุนและการปรับปรุงประสิทธิภาพตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีหลายปัจจัยที่ต้องจับตามองทั้งในประเทศ และนอกประเทศ และผลจากการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่ส่งผลต่อความสามารถในการชำระหนี้และการลงทุน

“จากการที่กลุ่มธุรกิจเฟอร์นิเจอร์มีรายได้กลับสู่สภาวะปกติมีอนาคตสดใส จึงมีแผนนำธุรกิจในเครือ “TCM Living” ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเฟอร์นิเจอร์แบรนด์ชั้นนำในประเทศอังกฤษ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยจะยื่นต่อตลาดฯช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีหน้า และรอจังหวะเข้าเทรดในระยะถัดไป”

ประธานทีซีเอ็มซีย้ำว่า บริษัทยังให้ความสำคัญในเรื่องการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ESG ทั้งเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล จึงมีการดำเนินโครงการในเรื่องนี้ตลอดเวลาที่ผ่านมา

เช่น โครงการรีไซเคิลขยะขวดพลาสติก โดยตั้งแต่ปี 2548 คาร์เปทอินเตอร์ บริษัทในเครือ ตั้งเป้าหมายที่จะรีไซเคิลขยะขวดพลาสติกให้ได้ 1 พันล้านขวดภายในปี 2568 โดยใช้นวัตกรรมผลิตวัสดุรองพรมจากเส้นใยรีไซเคิลพลาสติก ซึ่งในปัจจุบันบริษัทได้รีไซเคิลขยะขวดพลาสติกไปแล้วถึง 920 ล้านขวด และในปีนี้ ทีซีเอ็มซีได้ประกาศเป้าหมายในการเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยโลกโดยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ภายในปี 2593

โครงการ Care the Wild–“ปลูกป้อง Plant & Protect” โดยทีซีเอ็มซีได้เข้าร่วมโครงการ Care the Wild-ปลูกป้อง Plant & Protect ซึ่งเป็นการร่วมมือกันของภาคี 4 ฝ่าย ได้แก่ ทีซีเอ็มซี ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กรมป่าไม้ และชุมชนบ้านโคกพลวง ในการร่วมกันปลูกป่า จำนวน 15 ไร่ ณ พื้นที่ป่าชุมชนบ้านโคกพลวง จ.นครราชสีมา เพื่อมุ่งสู่การบรรลุเป้าหมาย Net Zero

โครงการติดตั้ง Solar Rooftop ทีซีเอ็มซีได้ติดตั้ง Solar Rooftop โดยเป็น Clean Energy ที่ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาโรงงาน ช่วยลดการปลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 19,227.84 ตัน และกำลังก่อสร้างเฟสที่ 2 เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานสะอาดให้มากขึ้น

“ทั้งยังลงทุนในเครื่องจักรใหม่เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตอีกด้วย”

เจริญสุข ลิมป์บรรจงกิจ

คลิกอ่านคอลัมน์ "THE ISSUES" เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ