เปิดเหตุผล Flash Coffee ร้านกาแฟแบรนด์สีเหลือง ถึงเลือก ปิดกิจการ ในสิงคโปร์?

Flash Coffee เชนร้านกาแฟแบบ Grab and Go จากอินโดนีเซีย ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2019 โดย 2 หนุ่มชาวเยอรมัน David Brunier ผู้อยู่เบื้องหลังการปั้นธุรกิจ foodpanda และ Sebastian Hannecker โดยเปิดตัวที่แรกในกรุงจาการ์ตา ภายใต้แนวคิดการทำธุรกิจแบบสตาร์ทอัพ ที่สร้างการเติบโตด้วยการระดมทุนจากนักลงทุน ผ่านการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี เพื่อนำเสนอเมนูกาแฟระดับ Specialty Coffee ในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้ 

โดย Flash Coffee เปิดตัวครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม 2020 มีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ มีศูนย์กลางเทคโนโลยีอยู่ในจาร์กาตา อินโดนีเซีย ได้รับเงินทุนก้อนแรกจาก Rocket Internet ซึ่งเป็น Venture Capital จากเยอรมนี และหลังจากนั้นก็ได้รับเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน Flash Coffee มีสาขาทั้งสิ้นราว 200 แห่ง ทั้งในอินโดนีเซีย และสามารถขยายไปอีกหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ ฮ่องกง ไต้หวัน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ รวมถึงไทย แต่ล่าสุดได้ประกาศปิดตัวทุกสาขาในประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีทั้งหมด 11 สาขา จากเดิมในปี 2021 บริษัทมีสาขาในสิงคโปร์มากถึง 30 สาขา โดยระบุว่า ไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ เนื่องจากหนี้สินที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่งผลต่อการนัดหยุดงานของพนักงาน เนื่องจากได้รับการจ่ายเงินเดือนที่ล่าช้ากว่ากำหนดหลายครั้ง ทำให้การดำเนินงานของบริษัทหยุดชะงัก โดยที่ก่อนหน้านี้ก็ได้มีการปลดพนักงานไปแล้วเช่นกัน

รวมทั้ง The Business Times ได้มีการรายงานว่า Flash Coffee ได้ “ยื่นคำร้องขอเลิกกิจการโดยสมัครใจ เนื่องจากปัญหาหนี้สิน” ซึ่งทั้งหมดนี้อาจนำมาซึ่งการ “โบกมือลา” ดังกล่าวก็เป็นได้ แต่กระนั้นก็มีการยืนยันจากบริษัทแม่ว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของบริษัท จะไม่กระทบกับสาขาในประเทศอื่นๆ 

ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทสามารถระดมทุนมาได้ 68 ล้านเหรียญสหรัฐ และการระดมทุนรอบล่าสุดเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา 50 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นการระดมทุนในรอบ Series B ซึ่งเงินทุนดังกล่าวจะถูกใช้เพื่อเร่งความสามารถในการทำกำไรของทั้งบริษัท

ส่วนในไทย Flash Coffee ได้เปิดสาขาอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 14 พ.ค. 2563 สาขาแรกที่ตึก HK Plaza สาทร ซึ่งจากข้อมูลผลประกอบการของบริษัท แฟลช คอฟฟี่ ทีเอช จำกัด ปี 2564 มีรายได้รวมอยู่ที่ 60.42 ล้านบาท ขาดทุนกว่า 100 ล้านบาท 

ทั้งหมดทั้งมวลนี้อาจจะเป็นสิ่งที่ Flash Coffee ต้องย้อนกลับไปมองว่า “บ้าน” หลังนี้ยังคงไปไหวต่ออีกหรือไม่? เพราะด้วยสมรภูมิกาแฟ ถือเป็นอีกหนึ่งศึกที่แข่งขันดุเดือดไม่แพ้ธุรกิจอื่นๆ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ยังคงมี “แบรนด์” ในใจ และการเลือกที่จะทานกาแฟนอกบ้านนั้น ถือได้ว่าก็ไม่ได้เป็นเทรนด์ยอดนิยมเฉกเช่นในอดีต เพราะจากสถานะทางการเงิน ปัญหาเงินเฟ้อ รวมทั้งค่าครองชีพที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้คนเลือกที่จะ “ประหยัดเงิน” มากขึ้น 

นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าเส้นทางของ “Flash Coffee” จะเป็นอย่างไรต่อไป? สาขาอื่นๆ ยังคงไปได้ดีหรือไม่ เราก็คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าสายป่านของเชนกาแฟสัญชาติอินโดนีเซียนี้ จะหวานหรือขมกันแน่? 

อ้างอิง bloomberg, Niki Asia , Todayonline, worldcoffeeportal, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า