
เพราะนอกจากจะไม่ต้องคิดคอนเซปต์แบรนด์ให้มากความแล้วนั้น การเป็นที่รู้จักในตลาด และคุ้นหูคุ้นตาของผู้บริโภคก็เหมือนจะเป็นดับเบิ้ลโชคหลายชั้นเลยก็ว่าได้ แต่ก็นั่นแหละภายใต้ “โชค” ที่จะได้มาก็ต้องเจอกับ “ความเสี่ยง” อยู่ดี
โดย ธุรกิจแฟรนไชส์ หากจะให้อธิบายง่ายๆ ก็คือ ธุรกิจที่เจ้าของได้ให้สิทธิผู้อื่นในการประกอบธุรกิจขายสินค้าหรือบริการได้ โดยที่ “แฟรนไชส์ซอร์” (ผู้ให้สิทธิในการประกอบธุรกิจ) ทำข้อตกลงให้บุคคลอีกคนหนึ่งที่เรียกว่า “แฟรนไชส์ซี” (ผู้รับสิทธิในการประกอบธุรกิจ)
โดยใช้ รูปแบบ ขั้นตอน รวมไปถึงสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาของตนหรือที่แฟรนไชส์ซอร์ มีสิทธิที่จะให้ผู้อื่นใช้เพื่อประกอบธุรกิจภายในระยะเวลา หรือภายในเขตพื้นที่ที่กำหนด ซึ่งการประกอบธุรกิจนั้นจะอยู่ภายใต้การส่งเสริม และควบคุมตามแผนการดำเนินธุรกิจของแฟรนไชส์ซอร์ โดยที่แฟรนไชส์ซีมีหน้าที่ต้องจ่ายค่าตอบแทนแก่แฟรนไชส์ซอร์นั่นเอง
ดังนั้น ธุรกิจแฟรนไชส์ จะเหมือนการโคลนนิ่งธุรกิจหรือร้านค้า เพื่อที่จะขยายตลาดให้เติบโต แต่อยู่ภายใต้ข้อกำหนดที่แฟรนไชส์ซอร์กำหนดเอาไว้นั่นเอง แน่นอนว่าของฟรีไม่มีในโลก ภายใต้การดำเนินธุรกิจต่างๆ จะตามมาด้วยสัญญา และค่าใช้จ่ายนั่นเอง
ทั้งนี้ในช่วงปี 2565 ธุรกิจแฟรนไชส์ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทยเพิ่มขึ้นทุกปีเฉลี่ยร้อยละ 20 ต่อปี ในช่วงปี 2565 มูลค่าธุรกิจแฟรนไชส์ประมาณ 300,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10-15% เมื่อเทียบกับปี 2564 ที่มีมูลค่าประมาณ 280,000-300,000 ล้านบาท โดยหมวดหมู่ธุรกิจแฟรนไชส์ที่มีจำนวนสูงสุด 6 อันดับแรก ได้แก่ อันดับ 1 เครื่องดื่ม 24.68%, อันดับ 2 อาหาร 23.58%, อันดับ 3 การศึกษา 16.35%, อันดับ 4 บริการ 8.81%, อันดับ 5 เบเกอรี่ 8.33% และอันดับ 6 ค้าปลีก 6.57% -
สำหรับเทรนด์แฟรนไชส์ที่คาดว่าจะมาแรงและได้รับความนิยมในปี 2566 จะเป็นในส่วนของแฟรนไชส์อาหารและเครื่องดื่มที่ยังคงมาแรง โดยมีสัดส่วนมากกว่า 50-60% ตามมาด้วยแฟรนไชส์บริการ ขนส่ง สะดวกซัก ค้าปลีก ความงาม สปา รวมถึงแฟรนไชส์ด้านการศึกษาด้วยเช่นกัน
สำหรับแฟรนไชส์ยอดนิยมในปี 2566 ควรเน้นไปที่การตอบโจทย์ความสะดวกให้กับลูกค้าซึ่งธุรกิจบริการมีหลายแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ ได้แก่
1. เดอะ เลตเตอร์ โพสต์ เซอร์วิส แฟรนไชส์ธุรกิจร้านสารพัดบริการทั้งด้านขนส่ง การชำระเงินค่าสินค้า บริการขอสินเชื่อ ฯลฯ ค่าแฟรนไชส์ในการลงทุนเพียง 1,990 บาท โดยมีรูปแบบการลงทุนให้เลือกหลากหลาย
2. ควิกวอช ธุรกิจแฟรนไชส์บริการล้างรถอัตโนมัติ เลือกรูปแบบการลงทุนได้ตามต้องการ ถือเป็นแฟรนไชส์ยอดฮิต งบในการลงทุนเริ่มต้นที่ 2.7 ล้านบาท
3. ชิปป๊อป แฟรนไชส์ธุรกิจขนส่งพัสดุที่กำลังมาแรงในยุค E-Commerce เริ่มต้นลงทุนเพียงแค่ 1,850 บาท
4. ไจแอ้นลูกชิ้นปลาระเบิด แฟรนไชส์อันดับ 1 ในวงการลูกชิ้น งบในการลงทุนเริ่มต้น 3,000 บาท
5. 24 Wash แฟรนไชส์ร้านสะดวกซัก ลงทุนเริ่มต้นเพียง 1,990,000 บาท
1. เลือกจากความชอบและความถนัดของตัวเอง
2. เช็กความต้องการของตลาด
3. ดูงบประมาณในการลงทุน
4. ดูว่าธุรกิจจะคืนทุนเมื่อไร
5. หาจุดเด่น-ด้อยของแบรนด์
6. ศึกษาข้อจำกัดของสัญญาและค่าธรรมเนียมของแฟรนไชส์
7. เปรียบเทียบแบรนด์ในกลุ่มเซกเตอร์เดียวกัน
8. ศึกษาทำเลที่ตั้ง
9. ทำความเข้าใจลักษณะกลุ่มลูกค้า และพฤติกรรมลูกค้า
10. ศึกษาตลาดไว้เป็นความรู้เบื้องต้น