เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปี แห่งความสำเร็จ

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

เอพี ไทยแลนด์-มิตซูบิชิ เอสเตท 10 ปี แห่งความสำเร็จ

Date Time: 12 ส.ค. 2566 05:10 น.

Summary

เอพี ไทยแลนด์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย หลังจากผนึกกำลังกับมิตซูบิชิ เอสเตท ยักษ์ใหญ่อสังหาจากญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์บนธุรกิจมายาวนานกว่า 130 ปี มีการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า 50 ปี ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย

Latest

“MELAND” สยามพารากอน สวนสนุกในร่มแห่งแรกนอกจีน แลนด์มาร์กใหม่ งบลงทุน 400 ล้าน ค่าเข้าหลักพันบาท

เอพี ไทยแลนด์ หนึ่งในยักษ์ใหญ่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัย หลังจากผนึกกำลังกับมิตซูบิชิ เอสเตท ยักษ์ใหญ่อสังหาจากญี่ปุ่นที่มีประสบการณ์บนธุรกิจมายาวนานกว่า 130 ปี มีการลงทุนในต่างประเทศมากกว่า 50 ปี ทั้งในสหรัฐฯ ยุโรปและเอเชีย ได้ประกาศร่วมทุนจัดบริษัท พรีเมี่ยม เรสซิเดนซ์ จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในไทยภายใต้ทุนจดทะเบียนกว่า 12,600 ล้านบาท

มาถึงวันนี้ความร่วมมือระหว่างสองยักษ์ใหญ่ผ่านมา 10 ปี ได้พัฒนาคอนโดในไทยมาแล้ว 24 โครงการ มูลค่าโครงการกว่า 116,300 ล้านบาท ประเทศไทยได้เป็นหนึ่งในแหล่งลงทุนที่สำคัญของมิตซูบิชิ เอสเตท และเป็นโมเดลธุรกิจการร่วมทุนเพียงบริษัทเดียวในไทยที่มองการลงทุนและพัฒนาคอนโดในระยะยาว จากฐานตลาดที่มีการเติบโตอย่างมีคุณภาพและเอื้ออำนวยต่อการลงทุนทำธุรกิจ

นายอะซึชิ นากาจิมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มิตซูบิชิ เอสเตท จำกัด (มหาชน) และนายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอพี ไทยแลนด์ พร้อมผู้บริหารทั้งสองบริษัทได้ร่วมแถลงความสำเร็จที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น พร้อมประกาศโรดแม็ปที่จะสร้างความแข็งแกร่งและพัฒนาอุตสาหกรรมคอนโดผ่านโครงการที่มีคุณภาพต่อไปในอนาคตภายใต้แนวคิด From Strength to Strength สู่การเติบโตอย่างไม่มีสิ้นสุด

ทางมิตซูบิชิ เอสเตท ระบุว่า การออกแบบในโครงการต่างๆมีความซับซ้อนมากกว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยทั่วไป มีหลายปัจจัยภายใต้ไลฟ์สไตล์ของผู้คนที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นอายุ ข้อจำกัดทางด้านร่างกาย ความแตกต่างทางวัฒนธรรม เป็นสิ่งที่มิตซูบิชิมีความรู้สั่งสมประสบการณ์มายาวนาน โดยเฉพาะการออกแบบพื้นที่สาธารณะ สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆให้คนทุกกลุ่มเข้าถึงได้ง่าย และพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ผ่านโครงการในไทยภายใต้แนวทางการออกแบบที่อยู่อาศัยเพื่อทุกคน (Inclusive Living)

เป็นที่ทราบกันว่าประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงวัยในปี 2565 ที่ผ่านมา คนไทยมีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป เป็นสัดส่วน 20% อายุ 65 ปีขึ้นไป สัดส่วน 14% ได้มีการปรับปรุงกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการเดินทางที่ราบรื่นสำหรับผู้สูงวัยและผู้ทุพพลภาพ เป็นจุดไฮไลต์สำหรับการออกแบบคอนโด Inclusive Living เป็นเทรนด์ใหม่สำหรับการออกแบบ

ดังนั้น โครงการไม่เพียงแต่การเน้นการออกแบบให้สวยงามเท่านั้น แต่มีฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นมิตรกับทุกคน รองรับทุกความต้องการและการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ก้าวแรกเข้าสู่โครงการ ที่ทุกคนจะสามารถเลือกสร้างความสุขในแบบที่ตนเองต้องการ

ขณะเดียวกันทางมิตซูบิชิ เอสเตท ได้สื่อจากไทยไปเยี่ยมชมผลงานการออกแบบในแนวคิด Inclusive Living ใจกลางกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีจุดเด่นและตอบโจทย์การใช้งานของทุกคนได้อย่างไรในโครงการคอนโดและโครงการอาคารสำนักงาน

เริ่มจากโครงการคอนโด The Parkhouse Nishi Shinjuku Tower 60 ทำเลห่างจากสถานีชินจูกุ 1.2 กม. เป็นอาคารสูง 60 ชั้น หนึ่งในโครงการคอนโดที่สูงที่สุดในญี่ปุ่น (จากการสำรวจในปี 2014) ประกอบด้วย ห้องชุดจำนวน 953 ยูนิต มี 3 ขนาด พื้นที่ 37 ตรม. 1 ห้องนอน, 50 ตรม. 2 ห้องนอนและ 100 ตรม. 3 ห้องนอน ราคาจำหน่ายเริ่มต้นยูนิตละ 35 ล้านบาท สร้างเสร็จปี 2560

ความโดดเด่นของคอนโดแห่งนี้คือการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง เป็น Universal Design หรืออารยสถาปัตย์ เพื่อให้ทุกคนได้มีสภาพแวดล้อม การใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย สามารถเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้โดยไม่เกิดอุปสรรคในการใช้ชีวิต การออกแบบทางเดินในพื้นที่ส่วนกลาง ลิฟต์ ราวจับ 2 ชั้น วัสดุปูพื้นชนิดพิเศษกันลื่น พื้นเบรลล์บล็อกซึ่งเป็นแผ่นทางเท้าสำหรับผู้พิการทางสายตา และสวนสาธารณะขนาดใหญ่ที่คนในชุมชนสามารถมาใช้ร่วมกันได้

หนึ่งในฟังก์ชันส่วนกลางที่น่าสนใจก็คือแนวคิด Engawa การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่มุ่งเน้นถึงการมีปฏิสัมพันธ์ร่วมกันของทุกคนทุกวัยภายในโครงการคอนโดขนาดใหญ่นี้ พื้นที่ส่วนกลางเพื่อใช้ทำกิจกรรมสันทนาการร่วมกัน การออกแบบเน้นการใช้ไม้ของญี่ปุ่นที่ส่งกลิ่นหอมมาตกแต่ง รวมการตกแต่งด้วยเสื่อทามามิ ชวนให้หวนนึกถึงไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของชาวญี่ปุ่นในสมัยก่อนบนทำเลใจกลางกรุงยุคสมัยนี้ การออกแบบพื้นที่ Common Area เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่ทุกๆส่วนให้มีความสัมพันธ์ต่อเนื่องกัน จากการวางพื้นที่ฟังก์ชันต่างๆ มุมเด็ก มุมอ่านหนังสือ ห้องสมุด ในขณะที่ยังคงความเป็นส่วนตัวไว้ และเปิดแสงธรรมชาติเข้ามาสร้างความโปร่งโล่งภายในตัวอาคาร เป็นต้น

สำหรับโครงการ Tokyo Torch Tokiwabashi Tower เป็นโครงการอาคารสำนักงาน อยู่บนทำเลใกล้สถานีโตเกียวฝั่งตะวันออก เป็นอาคารสำนักงาน สูง 210 เมตร จำนวน 38 ชั้น การออกแบบส่วนกลางมีความโดดเด่นกับแนวคิด Inclusive Living เพื่อการใช้งานร่วมกันของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของขนาดทางเดิน สัดส่วนพื้นที่ วัสดุ ราวจับ ไปจนถึงการดีไซน์ความลาดชัน สัญลักษณ์ เพื่อให้การเดินทางทุกรูปแบบสามารถเข้าถึงพื้นที่ได้อย่างง่ายและใช้งานได้สะดวก

เริ่มจากทางเข้าโครงการมี Tactile Guide Map แผนที่สำหรับผู้บกพร่องทางสายตา กดเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ขอความช่วยเหลือ หรือติดต่อกับคนในอาคาร ทางเข้าหลักใช้วัสดุปูพื้นกันลื่น พื้นเบรลล์บล็อก พื้นที่ใต้ดินออกแบบติดตั้งราวจับพื้นที่ 2 ชั้นและพื้นที่ลาดเอียงสามารถใช้วีลแชร์เชื่อมต่อไปยังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินได้อย่างไร้อุปสรรค ห้องน้ำสำหรับผู้พิการและผู้สูงอายุ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ราวจับ อุปกรณ์ฉุกเฉิน รวมถึงลิฟต์ขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับรถเข็น และปุ่มกดระดับพิเศษที่สามารถกดเรียกและเลือกชั้นได้อย่างสะดวกสำหรับทุกคน เป็นต้น

ส่วนอีกอาคารอยู่ติดกันออกแบบมีสวนเป็นทางเชื่อม โครงการ Tokyo Torch สูงถึง 390 เมตร สูง 60 ชั้น เป็นอาคารมิกซ์ยูส ทั้งสำนักงาน ที่พักอาศัย แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร เมื่อเปิดให้บริการในปี 2570 จะเป็นอาคารสูงที่สุดของมิตซูบิชิ เอสเตท และเป็นไฮไลต์ที่สำคัญของสถานีโตเกียวที่จะรอรับผู้คนเข้ามาทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก

แนวคิด Inclusive Living เพื่อการใช้งานร่วมกัน ของทุกคนที่เห็นในโครงการขนาดใหญ่ใจกลางโตเกียวเหล่านี้เราจะได้เห็นในโครงการคอนโดที่บริษัทร่วมทุนระหว่างสองยักษ์ใหญ่นำไปพัฒนาในประเทศไทยสำหรับการสร้างสรรค์ชุมชนที่มีการใช้ชีวิตดีๆที่เลือกได้ต่อไป.

วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th

คลิกอ่านคอลัมน์ “ตลาดนัดหัวเขียว” เพิ่มเติม


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ