
การประกาศพลิกโฉม "โลตัส" ทุกสาขาทั่วประเทศ เป็นศูนย์การค้ารูปแบบใหม่ สู่ SMART Community Center คล้ายห้าง ท่ามกลางสมรภูมิค้าปลีก แข่งเดือด และนับเป็นโมเดลใหม่ หลังจาก โลตัส กลับมาอยู่บ้านหลังเดิม เครือซีพี ของเจ้าสัว ธนินทร์ เจียรวนนท์ อีกครั้ง
โดยผู้บริหารระบุ แค่ปีนี้ปีเดียวจะใช้เงินลงทุนมากถึง 12,000 ล้านบาท เพื่อเปิดสาขาใหม่ ปรับปรุง และขยายพื้นที่สาขาเดิม รวมทั้งสิ้น 31 แห่งทั่วประเทศ โดยจะออกดอกเห็นผล ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป เพื่อลบภาพ “เทสโก้ โลตัส” แบบเดิมๆ ที่เราคุ้นเคย เริ่มนำร่อง Lotus’s Privé (โลตัส พรีเว่) เจริญนคร และ Lotus’s Eatery ขนาด 1,500 ตารางเมตร แต่ที่น่าสนใจกว่า คือ ณ สิ้นปีนี้ โลตัส จะมีสาขาทั้งหมดกว่า 2,300 และ เป็นไฮเปอร์มาร์เก็ตมากกว่า 200 สาขา
ตัดมาอีกฟากคู่แข่งสำคัญ “บิ๊กซี” โดย บริษัท บิ๊กซี รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ของกลุ่มบริษัทไทยเจริญคอร์ปอเรชั่น จำกัด (TCC) ภายใต้แม่ทัพ เจ้าสัว เจริญ สิริวัฒนภักดี ก็รุกหนักไม่แพ้กัน โดยกลุ่มนี้กำลังปลุกปั้นรูปแบบธุรกิจที่หลากหลาย ปรับโฉมใหม่เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น บิ๊กซี ซูเปอร์ เซ็นเตอร์, บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า, บิ๊กซี เพลส, บิ๊กซี มาร์เก็ต, บิ๊กซี ฟู๊ดเพลส, บิ๊กซี ดีโป้, บิ๊กซี มินิ และ บิ๊กซี ฟู๊ด เซอร์วิส
ซึ่งกล่าวมาข้างต้นนับเป็นปรากฏการณ์ที่น่าจับตามองในตลาดค้าปลีก ถึงการตั้งรับกับ พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปหลังโควิด-19 และภาคการท่องเที่ยวของไทยที่ฟื้นแรง ดันการเติบโตในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม การช็อปปิ้ง และความบันเทิง จนส่งผลให้ ไฮเปอร์มาร์เก็ต (ร้านค้าปลีกที่รวมห้างและซุปเปอร์มาร์เก็ตเข้าไว้ด้วยกัน) กลับมายืนได้อีกครั้ง จากที่ซบเซาไปช่วงโควิด
เจาะแค่อุตสาหกรรม ไฮเปอร์มาร์เก็ต ข้อมูลจาก ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ระบุชัดเจน อุตสาหกรรมนี้ค่อนข้างกระจุกตัวอยู่ที่ผู้เล่นหลัก 2 รายเท่านั้น นั่นก็คือ กลุ่มซีพี ภายใต้แบรนด์ 'โลตัส' และบิ๊กซี รีเทล (BRC) ภายใต้แบรนด์ 'บิ๊กซี' อย่างที่กล่าวไว้ โดย ณ สิ้นปี 2565 ทั้ง 2 ราย มีสาขารวมทั้งสิ้นมากกว่า 370 สาขาในประเทศไทย
แต่ถ้าจำกันได้ เดิมทีเรามีผู้เล่น 3 ราย โดยมี คาร์ฟูร์ ก็เคยเป็น 1 ในผู้เล่นเจ้าใหญ่ในตลาดค้าปลีกไทยเช่นกัน จากทั้งหมด 45 สาขาที่มี ก่อนช่วง 10 ปีก่อน ได้ขายกิจการทั้งหมดให้กับบิ๊กซีไป
ย้อนไป ระหว่างปี 2555 ถึง 2565 ไทยมีจำนวนร้านค้าปลีกในกลุ่มไฮเปอร์มาร์เก็ตของซีพี (CP) และบิ๊กซี รีเทล เติบโตในอัตราส่วนต่อปีที่ 3.7% และ 3.3% ตามลำดับ และแผ่วลงในช่วงโควิดระบาด โดยซีพีมีพื้นที่ครอบครองมากกว่า 1.05 ล้านตารางเมตร ขณะที่ บิ๊กซี มีอยู่ 9.42 แสนตารางเมตร
ความเห็นของกูรูอสังหาฯ นายสุรเชษฐ กองชีพ ได้สะท้อนภาพที่สอดคล้องกันว่า ไฮเปอร์มาร์เก็ตในประเทศไทย อาจจะมีเจ้าของแค่ 2 รายเท่านั้น คือ ซีพี ที่เป็นเจ้าของโลตัส แม็คโคร และกลุ่มทีซีซี ที่เป็นเจ้าของบิ๊กซี แต่ดูเหมือนฝั่งของซีพี อาจจะมีการขยับในเรื่องของการขยายตัว หรือปรับรูปแบบโครงการมากกว่า ทั้งในเรื่องของการขยายสาขา หรือการปรับปรุงสาขา
ขณะทางซีพีค่อนข้างชัดเจนว่าต้องการเดินหน้าขยายสาขาให้ครอบคลุมมากขึ้น ในส่วนของสาขาปัจจุบันก็มีปรับปรุงพื้นที่ หรือการเพิ่มพื้นที่เช่ามากขึ้น ทั้งการเพิ่มในส่วนของร้านค้าภายในอาคาร หรือการปรับรูปแบบของบางสาขาให้เป็นมากกว่าไฮเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมี โลตัส นอร์ธ ราชพฤกษ์ เป็นโครงการต้นแบบ
มาถึงตรงนี้ อาจกล่าวได้ว่า การแข่งขันของธุรกิจนี้ค่อนข้างรุนแรงห้ำหั่น อีกทั้งยังต้องแข่งขันกับร้านค้าปลีกประเภทอื่นๆ เช่น ร้านสะดวกซื้อ ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายสินค้าเฉพาะอย่าง รวมถึงผู้ประกอบการจาก Format อื่นที่ขยายการลงทุนสู่ธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ต (เช่น Central เปิด Tops Club) และขยายธุรกิจไฮเปอร์มาร์เก็ตในพื้นที่ต่างจังหวัดมากขึ้น นับเป็นความท้าทายของผู้เล่นดังกล่าว แต่ด้วยความแข็งแกร่งของ 2 ผู้เล่นใหญ่ ก็คงยากที่จะล้มยักษ์ได้ ....