'19 องศาเหนือ' จากต้นจนสู่จิบ ที่เชื่อว่ากาแฟไทย มีดีมากกว่าแค่ชื่อ

Business & Marketing

Marketing & Trends

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

'19 องศาเหนือ' จากต้นจนสู่จิบ ที่เชื่อว่ากาแฟไทย มีดีมากกว่าแค่ชื่อ

Date Time: 16 ก.ค. 2566 16:08 น.

Video

บุกโรงงานญี่ปุ่น ทัวร์ Glico ยักษ์ใหญ่อาหาร 3 แสนล้านเยน | BrandStory EP.27

Summary

จะมีอะไรดีไปกว่าการได้ดูซีรีส์ อ่านหนังสือที่ชอบ ฟังเพลงที่คุ้นหู และนั่งจิบกาแฟแก้วโปรดไปด้วย หากคุณชอบอารมณ์แบบนี้ บอกเลยว่าคุณมาถูกทางแล้ว

เพราะในครั้งนี้ #Thairath Money อาสาพาไปเสพความละเมียดละไมกับเรื่องราวที่ไม่ได้ขมดั่ง “กาแฟ” แต่ฉ่ำไปด้วยอรรถรสของคาเฟอีนสตอรี่ที่เข้มข้นถึงใจ และคลอเคล้าไปด้วยกลิ่นหอมของเส้นทาง Coffee Lover เมื่อโลกกาแฟหมุนรอบตัว จึงทำให้เธอผู้นี้ผันตัวจากผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ สู่เจ้าของแบรนด์ “19 องศาเหนือ” ที่เชื่อว่ากาแฟไทยจะต้องไปให้ได้ถึงระดับสากล


ด้วยเอกลักษณ์ที่ไม่ได้มีดีแค่ชื่อ แต่ยังคงความซับซ้อนของรสชาติอันน่าทึ่ง ท่ามกลางสุนทรียะของกาแฟที่หอมกรุ่นเย้ายวนใจ ชวนให้หลงใหลยามเมื่อได้ลิ้มรสของ เตย-อาริยา สมรรถไท Managing Director บริษัท 19 องศาเหนือ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ที่เริ่มต้นเล่าให้เราฟังท่ามกลางบรรยากาศกลิ่นกาแฟที่อบอวลในงาน Thailand Coffee Fest 2023 ถึงที่มาที่ไปของ “19 องศาเหนือ” ชื่อที่แสนจะสะดุดตาว่า จุดเริ่มต้นมาจากความชอบส่วนตัว ตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัย จำได้ว่ามีร้านกาแฟสด จึงได้ศึกษาและทำโปรเจกต์ธุรกิจเปิดร้านกาแฟตั้งแต่ 20 ปีที่แล้ว  


จนกระทั่งจับพลัดจับผลูเข้ามาในธุรกิจกาแฟจริงๆ จังๆ ก็เห็นจะเป็นช่วง 5 ปีก่อน ผ่านการจับมือกับพี่ชาย ซึ่งทำโรงคั่วกาแฟที่ทำการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำ ที่ใช้ชื่อว่า “โรงคั่วกาแฟพระนครคอฟฟี่โรสเตอร์” จากนั้นเราก็ทำควบคู่กับงานประจำ ซึ่งทำแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ของไทย โดยขายส่งให้กับลูกค้าที่เป็นคาเฟ่ โรงแรม และเชนร้านกาแฟ ต่อมาด้วยความที่เราทำแบรนด์มาก่อน และอยากจะสร้างแบรนด์กาแฟไทย จึงตัดสินใจไปต่อแบบสุดทาง จนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของ 19 องศาเหนือ ที่ถือได้ว่าเพิ่งเริ่มต้นมาได้เป็นปีที่ 2 


“หากมองง่ายๆ คือ เราอยากจะผลักดันกาแฟไทย เพราะปกติเวลาส่งออกเรามักจะเจอแค่กาแฟแบรนด์ดังๆ ของไทยเท่านั้น เราจึงอยากผลักดันให้สุด และชื่อที่เราตั้ง “19 องศาเหนือ” คือ “เลขละติจูดของพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย” เป็นพื้นที่ปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่อุดมสมบูรณ์ ที่เราคัดสรรมาโดยเฉพาะ และเป็นเลขแห่งการเริ่มต้น หนึ่ง-ก้าวแรกที่อยากจะพัฒนากาแฟไทยร่วมกับเกษตรกรชาวไทย ส่งมอบกาแฟที่ดีและถูกคัดสรรอย่างใส่ใจให้กับผู้บริโภคโดยตรง ด้วยทุกกระบวนการ Process พิถีพิถัน และคั่วด้วยเครื่องคั่ว Probat ที่ทันสมัยมาตรฐานระดับสากล พร้อมส่งมอบกาแฟไทยที่ไม่แพ้ชาติใดในโลกให้ได้ลิ้มลองรสชาติ และสร้างภาพให้เป็นที่จดจำว่า กาแฟไทยก็สามารถที่จะไปอยู่ระดับโลกได้” เตย เล่าให้เราฟังด้วยน้ำเสียงอันสดใส แฝงไปด้วยความหวังที่อยากจะผลักดันกาแฟไทยและผลผลิตที่มีอยู่ในมือ และนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เธอจริงจังกับกาแฟนั่นเอง  

กว่าจะได้กาแฟมันไม่ได้ง่าย จากต้น (เมล็ด) จนจิบ (ปลายลิ้น)

ทั้งนี้ กระบวนการต้นน้ำที่เราเริ่ม คือกระบวนการที่เริ่มตั้งแต่บนดอย โดยจะมีลานของเราเองทั้งบนดอยช้าง น่าน และพะเยา เริ่มต้นตั้งแต่กระบวนการ Washed Process เพื่อให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ หลังจากนั้นเมื่อเราเข้ามา ก็มีแนวคิดหรือเจตนารมณ์ที่อยากจะทำให้ “กาแฟไทยมันมีอะไรมากกว่าที่เป็นกาแฟแบบ Washed” โดยมองถึง Specialty ด้วย

โดยมีการพูดคุยในเรื่องของ Specialty Coffee ที่วัดกันตั้งแต่เมล็ดกาแฟจนถึง Process ทุกอย่างกับเกษตรกร ว่าสามารถทำแบบใดให้เราได้บ้าง 

ซึ่งตอนนี้เราก็กำลังพัฒนาหลายๆ ตัวอย่างเช่น Anaerobic Process Coffee หรือแม้กระทั่ง Black honey process และ Natural process อีกทั้ง Whiskey Barrel-aged Process ที่เราอยากจะทำให้กาแฟไทยมีกระบวนการเสมือนต่างประเทศ  

การเดินทางของเลขละติจูดเชียงรายที่จะไปอยู่ระดับโลกได้

ซึ่งตอนนี้ก็เริ่มจากจุดเริ่มต้นเล็กๆ ก่อนเป็นอันดับแรก นั่นคือการออกงานอย่างงาน Thailand Coffee Fest โดยถือเป็นปีที่ 2 แล้วในการออกบูธ รวมทั้งมีการวางจำหน่ายใน Iconcraft Iconsiam ซึ่งผลตอบรับออกมาค่อนข้างดี เพราะส่วนใหญ่คนที่เดินจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งแบรนด์เราก็ได้รับคำชมอยู่เรื่อยๆ จนเกิดเป็นแรงผลักดันให้เราไปได้ไกลมากกว่านี้

เราจึงวางแผนด้านการตลาดว่าอยากจะเข้าไปในคิงเพาเวอร์ หรือตลาดที่เป็น Travel Retail รวมทั้งร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ หรือ กระทรวงการค้าระหว่างประเทศ เพื่อสร้างชื่อให้กับ “กาแฟไทย” 

ทำความรู้จักกับ “เจ้าจอม-บ้านป่า-เนินเขา” 

19 องศาเหนือ มีกาแฟ 3 สูตร โดยสูตรแรกชื่อ “เจ้าจอม” โดยเจ้าจอมจะเป็นอาราบิก้า 100% ซึ่งเราเลือกกาแฟจากเชียงรายมา ก็คือดอยช้าง ส่วนตัวที่สองคือ “บ้านป่า” โดยเราอยากจะผสมสูตรกาแฟให้มีความเข้มข้นสู้นม ก็เลยสร้างตัวกาแฟอาราบิก้าเบลนกับโรบัสต้าของชุมพร ด้วยชื่อเราสะท้อนให้เห็นว่ามันไม่ใช่แค่เป็นชื่อธรรมดา แต่อยากให้เป็นที่จดจำ ให้อารมณ์ทานแล้วดุดัน เข้มข้นสู้นม สูตรที่สามคือ “เนินเขา” ตัวหลักจะเป็นโรบัสต้า มากกว่าอาราบิก้า ซึ่งใช้กาแฟไทยทั้งสองอย่าง โดยชื่อเนินเขา นึกถึงภาพโรบัสต้าส่วนใหญ่จะปลูกอยู่ในพื้นที่ที่ไม่สูงมาก ประมาณ 500-800 เมตรจากระดับน้ำทะเล ดังนั้น เราจึงมองว่านำชื่อนี้มาให้คนจดจำว่าเป็นกาแฟไทยที่เป็นโรบัสต้าที่ปลูกในพื้นที่ชุมพร 

แล้วต่อไปจะมีสูตรอื่นๆ อีกไหม?

ส่วนในอนาคตเธอมองว่า อยากจะสร้างกาแฟใหม่ๆ ในแบรนด์ 19 องศาเหนือ อย่างเช่นกาแฟจากพื้นที่ใหม่อย่าง ผาจอมเปียง จ.พะเยา ที่มีพื้นที่อุดมสมบูรณ์ทั้งน้ำ ดิน และอากาศ ซึ่งเรามองว่าน่าจะไปต่อได้ โดยในอดีตพื้นที่นี้จะเป็นการปลูกข้าวโพด และได้มีการเผาป่า ดังนั้น การปลูกกาแฟทดแทน แม้อาจจะรอนานหน่อย 4 ปี แต่ทำให้ตัวกาแฟยั่งยืนมากกว่า จึงเป็นแนวคิดที่อยากจะให้กาแฟไทยพัฒนาได้ และส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกกาแฟไทยมากขึ้น 

เพราะด้วยตัวของเกษตรกรเองก็พยายามที่จะหาธุรกิจที่ได้มาเร็วๆ แต่ไม่อยากรอให้โต แต่เราก็เริ่มสร้างและฉายภาพให้พวกเขาเห็นว่าการปลูกกาแฟมีโอกาสที่จะได้ยั่งยืน และรายได้เพิ่มมากขึ้น ในระยะยาวตั้งแต่ 5-10 ปี เพื่อเลี้ยงชีพเขาและครอบครัวได้เลย ส่วนเงื่อนไขในการเลือกกาแฟมาอยู่ในแบรนด์ ก็ขอแค่เป็นกาแฟไทยก็พอ 


จากข้อมูลพบว่า ปัจจุบันประเทศไทยมีแหล่งปลูกกาแฟที่เป็นเอกลักษณ์ โดยมีพื้นที่ปลูกกาแฟทั้งสิ้น 268,211 ไร่ โดยการปลูกมี 2 สายพันธุ์หลัก คือ พันธุ์อาราบิก้า และ พันธุ์โรบัสต้า 

และปัจจุบันตลาดกาแฟเมืองไทยมีมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท แบ่งเป็นตลาดร้านกาแฟในบ้าน 33,000 ล้านบาท เติบโต 55% และตลาดร้านกาแฟนอกบ้าน 27,000 ล้านบาท มีการเติบโตที่ 45% โดยภาพรวมเติบโต 9.5% นับว่าเป็นตัวเลขการเติบโตที่ดีในการขยายตลาด

ขณะที่ข้อมูลจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) พบว่ามีการบริโภคกาแฟในประเทศสูงถึง 70,000 ตันต่อปี ขณะที่ประเทศไทยผลิตได้เองเพียง 10,000 ตันต่อปีเท่านั้น นอกจากนี้ จากการศึกษาข้อมูลตลาดกาแฟโลก คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดกาแฟในช่วงปี 2564-2566 จะเติบโตอย่างต่อเนื่องปีละ 9% คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 1.91 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ชี้ให้เห็นปัจจัยบวกของกาแฟในประเทศไทย ที่มีโอกาสเติบโตอีกมาก

กาแฟไทยจากที่ถูกมองว่าเป็นมวยรองกาแฟต่างชาติ 

จริงๆ เรามองว่ามันมีโอกาสมากกว่า และเริ่มมีในเรื่อง Specialty Coffee Association (SCA) Certified ของสมาคมที่ให้คะแนนทั้งหลาย ก็ทำให้เห็นว่ากาแฟไทยก็สู้กาแฟต่างชาติได้ แต่เราจะต้องเข้าไปถึงเกษตรกรจริงๆ ให้องค์ความรู้ที่จะต้องดูตั้งแต่ต้นน้ำ เราว่าเราสู้ระดับโลก เพียงแต่ว่าเวทีเราอาจจะอยู่ในพาสที่ยังไม่ได้อยู่ไกลระดับโลกมาก แต่ก็มีบาริสต้าไทยหลายๆ คนที่อยู่ในวงการระดับโลก จึงมองว่าเป็นสิ่งที่น่าจะมีโอกาสสำหรับแบรนด์กาแฟของไทย 

เห็นมีเมล็ดกาแฟเป็นถุง แล้วมีกาแฟสดด้วยไหม?

19 องศาเหนือไม่มีหน้าร้าน แต่ก็เจอได้ตามงาน Fest ต่างๆ ซึ่งก็จะมีบริการเป็นแก้วด้วย เพราะจริงๆ ในแบรนด์เราอยากทำส่งออก แต่ด้วยตอนนี้ช่วยพี่ชายทำในเรื่องของ OEM ก่อน ส่วนการส่งออกนั้นก็จะเป็นในระยะถัดไป

มองภาพต่อไปของ 19 องศาเหนือยังไงบ้าง?

เรามองว่าเราจะต้องไปอยู่บนแพลตฟอร์มของต่างประเทศ โดยเริ่มแรกมองถึงตลาดญี่ปุ่นและยุโรป เพราะโซนยุโรปชื่นชอบกาแฟไทย ส่วนญี่ปุ่นนั้นกาแฟนับเป็นหนึ่งในเครื่องดื่มสุดโปรดของคนญี่ปุ่นเลยก็ว่าได้ ว่ากันว่าปริมาณการบริโภคกาแฟในญี่ปุ่นติดอันดับ 4 ของโลกเลยทีเดียว เพียงแต่ว่ามีตัวเลือกให้เขาไม่เยอะ และเราอยากจะสื่อสารผ่านเมล็ดกาแฟด้วยว่า แต่ละพื้นที่มันมีความหลากหลาย จึงมี Taste note แต่ละที่ที่ไม่เหมือนกัน

ค่าครองชีพพุ่ง สวนทางรายได้ แล้ว ‘กาแฟ’ ไทยยังไปต่อได้หรือไม่ 

ของ 19 องศาเหนือ ราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ถุงละ 200 บาท บรรจุ 250 กรัม โดยกลุ่มลูกค้าจะเป็นกลุ่มอายุราวๆ 25-60 ปี ทั้งคนไทย นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติ ขณะเดียวกันเมื่อถามถึงค่าครองชีพของไทยที่ยังไม่ได้อยู่ในระดับสูงมากนัก เมื่อเทียบกับราคากาแฟของไทยโดยทั่วไป จะมีผลต่อการบริโภคกาแฟหรือไม่นั้น เธอมองว่าไม่มีผล เพราะด้วยกาแฟถือเป็นปัจจัย 4 ของคนวัยทำงานที่จะต้องดื่มเป็นประจำ เห็นได้จากเทรนด์เชนร้านกาแฟที่ขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งราคาของเราก็อยู่ในระดับกลาง ไม่ได้แพงเมื่อเทียบกับคุณภาพของกาแฟที่คัดสรรมาตั้งแต่ต้นน้ำ

ส่วนความท้าทายมองว่า น่าจะเป็นปัจจัยภายนอกที่เกิดขึ้นกับตัวกาแฟอย่างสถานการณ์หน้าแล้ง หรือแม้กระทั่งช่วงโควิด-19 แพร่ระบาด ก็ทำให้ได้ผลผลิตน้อย ไม่มีคนเก็บ ดังนั้น กาแฟแต่ละแก้วที่ได้มาจึงแทบไม่อยากให้หยดเลยเสียด้วยซ้ำ จึงมองว่ากาแฟแต่ละแก้วมันมีเสน่ห์ในตัวเอง และแฝงไปด้วยความตั้งใจตั้งแต่กระบวนการแรกจนถึงบาริสต้า กระทั่งเสิร์ฟถึงมือ “นักดื่ม” เป็นอันดับสุดท้าย 


ดังนั้น ด้วยความที่แต่ละคนมีความชอบไม่เหมือนกัน ถ้าในเวย์ของ 19 องศาเหนือ เราอยากให้ดื่มด่ำตั้งแต่จิบแรก เพราะจริงๆ แล้ว ตัวกาแฟเราตั้งใจทำตั้งแต่หยดแรก หรือกาแฟเมล็ดแรกที่เราเก็บเกี่ยวมา เราจึงมองว่าอยากให้ “จิบแรก” ของ 19 องศา ครองใจผู้ดื่มจนถึง “หยดสุดท้าย”.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ