
เมืองไทยประกันชีวิต พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตที่ไม่เหมือนใคร ให้ความคุ้มครองโรคร้ายแรง และค่าใช้จ่ายหลังเกษียณ เชื่อม "เนอร์สซิ่งโฮม" เข้ามาดูแลตอบโจทย์สังคมสูงวัย
นายสาระ ล่ำซำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ MTL กล่าวว่า เราได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันชีวิตให้ตอบโจทย์ยุคสังคมผู้สูงอายุที่ประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคดังกล่าวอย่างเต็มตัว โดยเมืองไทยประกันชีวิตจึงนำกลยุทธ์ SILVER Readiness by MTL ดังนี้
S มาจาก Solution
I มาจาก Integration
L มาจาก Longevity
V มาจาก Value Added
E มาจาก Excellence
R มาจาก Readiness
โดย มุ่งเน้นการตอบโจทย์ที่หลากหลายรอบด้านเพื่อการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุยุคใหม่ หรือ Silver Age ทั้งด้านผลิตภัณฑ์ บริการ นวัตกรรม และเครือข่ายพันธมิตรที่ครอบคลุมทุกรูปแบบการใช้ชีวิต หรือ Ecosystem Partner ด้วยโครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ และ โครงการสมาร์ท ซิลเวอร์ พลัส ที่โดดเด่นด้วยการเลือกความคุ้มครองได้ตรงใจ กังวลโรคไหนก็เลือกให้อุ่นใจได้
ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มครองโรคสมองเสื่อม ชนิดอัลไซเมอร์ และโรคหลอดเลือดสมองแตกหรืออุดตัน รวมถึงคุ้มครองกรณีเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ จนไม่สามารถปฏิบัติกิจวัตรประจำวันได้ด้วยตนเองอย่างถาวรตั้งแต่ 3 ใน 6 อย่าง ต่อเนื่องกันเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 180 วัน ประกอบด้วย 1.การเคลื่อนย้าย 2.การเดินหรือเคลื่อนที่ 3.การแต่งกาย 4.การอาบน้ำชำระร่างกาย 5.การรับประทานอาหาร และ 6.การขับถ่าย อีกทั้งยังให้ความคุ้มครองกรณีกระดูกแตกหัก
โดยสามารถเลือกรับผลประโยชน์เป็นเงินก้อน หรือรายเดือน และสามารถระบุผู้รับประโยชน์เป็นสถานให้บริการผู้ที่มีภาวะพึ่งพิง หรือโรงพยาบาลผู้สูงอายุ (Nursing Home) ที่มีรายชื่อร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับบริษัทฯ ซึ่งมีมาตรฐานตามกฎกระทรวงสาธารณสุขกำหนด ทั้งมาตรฐานด้านสถานที่ มาตรฐานด้านความปลอดภัย และมาตรฐานด้านการให้บริการ สมัครได้ตั้งแต่อายุ 40-80 ปี พร้อมให้ความคุ้มครองดูแลยาวถึงอายุ 81 ปี
นอกจากนี้ หากต้องการวางแผนให้มีเงินใช้สบาย ๆ หลังเกษียณ ด้วยประกันบำนาญที่มีหลายแบบประกันให้เลือกได้ตามใจ การันตีมีบำนาญใช้ทุกปี สามารถเลือกรับบำนาญเป็นรายปี หรือรายเดือน และเลือกจ่ายผลประโยชน์เข้า Nursing Home ได้ ซึ่งจะช่วยคลายความกังวล สร้างความอุ่นใจ และแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลให้กับวัยซิลเวอร์ได้เป็นอย่างดี
นายสาระ กล่าวอีกว่า ปัจจุบัน MTL ได้จับมือกับ Nursing Home ชั้นนำของประเทศ เพื่อให้บริการแก่ลูกค้าคนสำคัญ ไม่ว่าจะเป็น เดอะซีเนียร์ โรงพยาบาลกายภาพบำบัด เดอะซีเนียร์ รัชโยธิน เดอะซีเนียร์ ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุและผู้มีภาวะพึ่งพิง ศูนย์ดูแลผู้สูงอายุฮันโนะ-เวชพงศ์ ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ และดูแลผู้สูงอายุศิริอรุณเวลเนสเซ็นเตอร์ ศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพและดูแลผู้สูงอายุศิริอรุณแคร์ ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย เดอะซีนิเซ่นส์ โรงพยาบาลผู้สูงอายุเฌ้อสเซอรี่โฮม
ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย เฌ้อสเซอรี่โฮม พรีเมี่ยมซีเนียร์แคร์ ศูนย์ส่งเสริมและฟื้นฟูผู้สูงวัย เฌ้อสเซอรี่โฮม ซีเนียร์แคร์ บางบอนเฮลท์ แอท โฮม แคร์เซ็นเตอร์ และ ViMUT Wellness บางนา-วงแหวน ศูนย์ฟื้นฟูและดูแลสุขภาพสำหรับครอบครัวและผู้สูงอายุ รวมทั้งยังเตรียมที่จะขยายความร่วมมือไปยัง Nursing Home Network ในพื้นที่ต่างๆ ให้ครอบคลุมมากขึ้น
ขณะเดียวกัน เพื่อให้ลูกค้าในกลุ่ม Silver Age ได้สัมผัสกับประสบการณ์แห่งความสุขที่ครบวงจรมากขึ้น เราได้ผนึกกำลังกับบริษัท ฟูเชียเวนเจอร์แคปิทัล จำกัด หรือ Fuchsia VC ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของเมืองไทยกรุ๊ปโฮลดิ้ง ที่จะเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งในส่วนของการช่วยแสวงหาและลงทุนในสตาร์ทอัพ ที่มีเทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ และการบริการสำหรับผู้สูงอายุ และมีขอบข่ายการลงทุนทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยการลงทุนมุ่งเน้น ด้าน Healthtech Biotech และ Livingtech ที่สามารถช่วยให้ผู้สูงอายุ มีสุขภาพและคุณภาพชีวิต ยั่งยืนมากยิ่งขึ้น
ด้านนายปาณัท สุทธินนท์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ช่วงแรกเราจะเปิดขายให้กลุ่มลูกค้าช่วงอายุ 40-80 ปี โดยให้ความคุ้มครองดูแลยาวถึงอายุ 81 ปี ยกตัวอย่าง กรณีอายุ 40 ปี เลือกรับเงินก้อน 1 ล้านบาท หรือเลือกรับรายเดือนประมาณ 15,000 บาทต่อเดือน ส่วนกรณีเลือกความคุ้มครองทั้งหมดค่าเบี้ยก็เฉลี่ยอยู่ที่ 6,000-7,000 บาทต่อปี
จับตาปี 66 ประกันสะสมทรัพย์จะเฟื่องฟู
นายสาระ กล่าวว่า ภาพรวมของธุรกิจประกันภัยในช่วง 9 เดือนของปี 65 นั้นติดลบประมาณ 2.9% และคาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะสามารถจะกลับมาเป็นบวกได้ที่ประมาณ 0-2% ส่วนในปี 66 นั้น สินค้าที่ได้รับความนิยมน่าจะเป็นสินค้าสุขภาพ และบริษัทประกันจะกลับมาออกแบบประกันสะสมทรัพย์มากขึ้น เนื่องจากอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรมีการปรับตัวขึ้นตามอัตราดอกเบี้ย ที่เพิ่มขึ้นตามภาวะเงินเฟ้อหลังจากในช่วงที่ผ่านมามีการชะลอขายไปเพราะผลตอบแทนอยู่ในระดับต่ำ
ในส่วนของเมืองไทยประกันชีวิตนั้น เรามีเบี้ยรับใหม่ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ 1.9 หมื่นล้านบาท เติบโตประมาณ 8.2% และเชื่อว่าในช่วงเวลาที่เหลือของปีน่าจะเติบโตที่ระดับ 10% ตามเป้าที่วางไว้ โดยมีประกันสุขภาพเติบโตอยู่ในระดับสูง ซึ่งบริษัทมีส่วนแบ่งเบี้ยประกันสุขภาพมากที่สุดเป็นอันดับ 2 ของอุตสาหกรรม