
“ปณิธาน ประจวบเหมาะ” จับกระแสโลกยุคหลังโควิด เปิดเฟสใหม่ของโครงการ “บ้านประจวบเหมาะ” บนพื้นที่ 141 ไร่ ชายทะเลทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพ รองรับผู้ที่ต้องการฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วย และคนสูงวัย พร้อมเปิดขายบ้านท่ามกลางอากาศบริสุทธิ์ ราคาหลังละ 4–5 ล้านบาท
นายปณิธาน ประจวบเหมาะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เคทีพี (โอวี) เรียลเอสเตท จำกัด ผู้บริหารโครงการบ้านประจวบเหมาะเปิดเผยว่า การพัฒนาที่ดินมรดกที่ตกทอดมา 3 เจเนอเรชัน จำนวน 130 ไร่ และซื้อที่ดินเพื่อเปิดพื้นที่ติดทะเลริมหาดทับสะแกเพิ่มเติมอีก 11 ไร่ รวมเป็น 141 ไร่ ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ มาจนถึงปัจจุบัน เฟสแรกบนพื้นที่ 11 ไร่ของการเปิดขายบ้านพักติดทะเล ราคาหลังละ 12-16 ล้านบาท จากจำนวน 25 หลัง แม้จะยังรอผู้ซื้อเพิ่มเติมอีก 8 หลัง แต่ได้เม็ดเงินกลับเข้ามา 350 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าลงทุนในเฟสแรกที่ 100 ล้านบาท จึงเตรียมดำเนินการขยายเฟสที่ 2 ต่อไป ในรูปแบบของ “ศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพ” บนพื้นที่ 20 ไร่ ภายใต้เม็ดเงินลงทุน 200 ล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อรองรับประเทศไทยที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย รวมทั้งดูแลชาวต่างชาติ ซึ่งนิยมเข้ามาฟื้นฟูและรักษาสุขภาพในประเทศไทย เห็นได้จากในปัจจุบันอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ของไทยติดอันดับ 5 ของโลก จากการจัดอันดับของ Medical Tourism Association โดยค่ารักษาพยาบาลของประเทศไทยไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศชั้นนำ เช่น ค่าบริการทางการแพทย์ โดยเฉลี่ยของไทยถูกกว่าสหรัฐอเมริกา 50-90% อีกทั้งโลกยุคหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 คนได้หันมาดูแลสุขภาพกันมากขึ้น
นายปณิธานกล่าวต่อว่า บนพื้นที่ของเฟส 2 จะประกอบด้วยศูนย์เวชศาสตร์ฟื้นฟูสุขภาพที่มีห้องพักจำนวน 99 เตียง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมาฟื้นฟูสุขภาพหลังการเจ็บป่วย โดยภายในโครงการจะมีแพทย์และผู้เชี่ยวชาญในการดูแล มีการนำเทคนิคและเครื่องมือที่ทันสมัยมารองรับ เช่น ระบบบริการทางการแพทย์ทางไกล ซึ่งสามารถปรึกษาปัญหาสุขภาพออนไลน์ได้กับแพทย์หลากหลายสาขา ทุกที่ ทุกเวลา ตลอด 24 ชั่วโมง โดยข้อมูลการรักษาจะถูกเก็บบันทึกเพื่อให้แพทย์และคนไข้สามารถสืบค้นข้อมูลการรักษาย้อนกลับได้ โดยจะมีแพลตฟอร์มที่จะสามารถให้จัดส่งยาถึงบ้านได้ทันที
“ในฐานะเป็นนักบริหารรุ่นใหม่ในโลกที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้า ผมพยายามศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่อยๆ ว่า ปัจจุบันมีเครื่องมือ อุปกรณ์ หรือเทคโนโลยีแบบใดที่มาช่วยอำนวยความสะดวกของการใช้ชีวิตให้ดีขึ้นก็จะนำมาใช้ เช่น ปัจจุบันมีอุปกรณ์อัจฉริยะเพื่อดูแลผู้สูงอายุหรือผู้ป่วย เป็นจี้ห้อยคอที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เมื่อผู้สวมใส่เกิดอุบัติเหตุหรือล้มลง อุปกรณ์จะส่งสัญญาณแจ้งเตือนไปยังส่วนกลางโดยอัตโนมัติ และสัญญาณเตือนจะส่งไปยังโรงพยาบาลและผู้ดูแลรวมถึงญาติ และผู้สวมใส่สามารถกดปุ่มเพื่อขอความช่วยเหลือฉุกเฉินได้ด้วย”
นอกจากนี้ จะมีอุปกรณ์ลู่วิ่งในน้ำที่ช่วยฟื้นฟูผู้ป่วย ผู้สูงอายุ กลุ่มอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ข้อสะโพกเสื่อม ข้อเข่าเสื่อม รวมถึงผู้ที่มีปัญหาน้ำหนักตัวและการทรงตัว หรือแม้กระทั่งรายละเอียดประเภทต่างๆ ที่ทางศูนย์จะเลือกนำมาใช้ เช่น ผ้าอ้อมสำเร็จรูปจากการนำวัสดุธรรมชาติที่เหลือทิ้งจากการเกษตรมาพัฒนาคุณสมบัติให้ย่อยสลายได้เอง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งผ้าอ้อมที่มีคุณสมบัติพิเศษสามารถตรวจความเป็นกรด-ด่างของปัสสาวะ เพื่อดูแนวโน้มความเสี่ยงโรคเบาหวานได้
ขณะเดียวกัน ในพื้นที่ของเฟส 2 นี้จะมีการออกแบบบ้านพักที่เหมาะกับคนสูงอายุ หรือผู้ที่ต้องการมาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูสุขภาพโดยเฉพาะ จำนวน 26 หลัง บนพื้นที่ 80-90 ตารางวา ตั้งราคาขายต่ำกว่าเฟสแรก กำหนดไว้ราคาหลังละ 4-5
ล้านบาท โดยพื้นที่บริเวณนี้ถือว่าเป็นสถานที่ที่มีอากาศที่บริสุทธ์ ด้านหนึ่งติดชายหาดทับสะแกและอีกด้านเป็นเทือกเขาตะนาวศรี จึงมีทั้งลมบกและลมทะเล
นายปณิธาน กล่าวต่อไปว่า ได้วางแผนการพัฒนาครบทั้งพื้นที่ 141 ไร่ ในอีก 8 ปีข้างหน้า มูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้น มากกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเฟสต่อไปจะทำเป็นพื้นที่ท่องเที่ยวเชิงเกษตร ใช้พื้นที่ประมาณ 15-20 ไร่ โดยนำระบบออโตเมชันต่างๆ มาทำเป็นเกษตรสมัยใหม่ ใช้โดรนในการดูแลการเพาะปลูก
สำหรับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีต่อโครงการ ต้องยอมรับว่าทำให้โครงการในเฟสแรกได้กลุ่มลูกค้าจากสแกนดิเนเวีย ได้แก่ สวีเดน เดนมาร์ก และฟินแลนด์ ไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ของ ต.ห้วยยาง ห่างจากโครงการบ้านประจวบเหมาะ 10-11 กิโลเมตร จะเป็นพื้นที่ที่มีชาวต่างชาติมาซื้อบ้านอยู่จำนวนมาก จนชาวบ้านเรียกว่าหมู่บ้านสแกนดิเนเวียน ในตอนเริ่มต้นโครงการจึงตั้งชื่อว่าโครงการ Euro Sun Sea Sand ทับสะแก ไทยแลนด์ โดยตั้งเป้าขายบ้านให้กับชาวสแกนดิเนเวียนเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม เมื่อมีการระบาดของโควิด-19 ทำให้การเดินทางทั่วโลกสะดุดลง กลายเป็นว่าคนที่มาซื้อบ้านในโครงการ เป็นคนไทยจากกรุงเทพฯ และคนในพื้นที่ที่ต้องการอยู่บ้านในโครงการบ้านจัดสรร ตอนหลังจึงเปลี่ยนชื่อโครงการใหม่เป็น “บ้านประจวบเหมาะ” แทน
นายปณิธานคาดว่าจากนี้ต่อไปคงมีการเดินทางระหว่างประเทศมากขึ้น และการที่การ ท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) วางเป้าหมายทำการตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง และผลักดันให้พื้นที่หิวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นพื้นที่ใหม่ ของโลกด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ จะช่วยสนับสนุนให้โครงการซึ่งอยู่ในพื้นที่จังหวัดเดียวกันได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นจากชาวต่างชาติ ขณะที่วิธีการซื้อบ้านของชาวต่างชาติในระยะต่อไป น่าจะง่ายมากขึ้นเพราะรัฐบาลอยู่ระหว่างแก้ไขกฎหมายให้ถือครองบ้านจัดสรรในโครงการบ้านจัดสรรในพื้นที่ที่กำหนดได้ ส่วนในปัจจุบันยังเป็นรูปแบบของการเช่าซื้อระยะยาว 30+30 ปี โดยทางโครงการคิดราคาเท่ากับราคาขายของบ้านที่ตั้งไว้.