บริษัทผลิตอาหารและเครื่องดื่มยักษ์ใหญ่เตือนเฝ้าระวังราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นหลังเศรษฐกิจฟื้นตัวจากโรคโควิด-19 กระทบราคาสินค้าบางประเภท
สำนักข่าว ซีเอ็นเอ็น รายงาน เนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ บริษัทผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ของโลก ได้ประกาศเตรียมขึ้นราคาสินค้า เป็นผลมาจากต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งปรับตัวขึ้นจากภาวะเงินเฟ้อ หลังเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยจะเริ่มปรับราคาขึ้นราว 2 เปอร์เซ็นต์ เพื่อชดเชยต้นทุนที่สูงขึ้นราว 4 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ก่อนหน้านี้ เนสท์เล่ สวิตเซอร์แลนด์ ได้ขึ้นราคาสินค้า 1.3 เปอร์เซ็นต์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่ากำไรขั้นต้นของบริษัทในปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่อยู่ที่ 17.5 เปอร์เซ็นต์ ก่อนที่จะปรับตัวสูงขึ้นในปีหน้า ขณะที่ นายมาร์ค ชไนเดอร์ ซีอีโอ ของบริษัทระบุว่า เนสท์เล่สามารถรับมือกับราคาต้นทุนที่สูงขึ้นได้บ้าง เช่น ราคากาแฟ แต่ไม่สามารถสู้กับค่าขนส่งที่ปรับตัวสูงขึ้นได้
ด้าน ยูนิลีเวอร์ บริษัทคู่แข่งของเนสท์เล่ ได้ประกาศขึ้นราคาสินค้าหลายประเภทเป็นผลมาจากราคาต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้น เช่น ราคาน้ำมันถั่วเหลือง ที่ราคาปรับสูงขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่แล้ว ทำให้ขณะนี้ราคาน้ำมันถั่วเหลืองปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 80 เปอร์เซ็นต์ เช่นเดียวกับราคาน้ำมันปาล์มที่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน
ก่อนหน้านี้บริษัท ยูนิลีเวอร์, แอนไฮเซอร์-บุช อินเบฟ (Anheuser-Busch InBev) และเจเนรัล อิเล็กทริก (General Electric) ได้เตือนให้เฝ้าระวังราคาต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นจากการที่เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งดีมานด์ของสินค้าบางประเภทจะพุ่งสูงขณะที่ผู้คนเริ่มกลับมาเดินทางและเข้าทำงานที่ออฟฟิศอีกครั้ง.
ที่มา: CNN, Businesslive