อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯในเดือนมิถุนายนสูงเป็นประวัติการณ์ ผู้เชี่ยวชาญกังวลว่าหลังจากนี้จะต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อหนักกว่าที่คาด มีแนวโน้มกระทบการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เว็บไซต์ เดอะการ์เดียน รายงานว่า สหรัฐอเมริกาเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อสูงที่สุดในรอบ 13 ปี เมื่อเดือนมิถุนายน 2564 โดยดัชนีผู้บริโภคปรับตัวขึ้น 5.4 เปอร์เซ็นต์ ในรอบ 12 เดือนสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน ซึ่งเพิ่มขึ้น 5 เปอร์เซ็นต์ จากเดือนก่อนหน้า นับเป็นตัวเลขเงินเฟ้อที่มากที่สุดตั้งแต่เดือนสิงหาคม ปี 2008 ซึ่งดัชนีผู้บริโภคที่สูงขึ้นได้กดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ต้องใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้ ซึ่งอาจกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่มีผู้บริโภคเป็นตัวนำและอาจก่อให้เกิดดีมานด์การขึ้นเงินค่าจ้าง
ด้านสำนักงานสถิติแรงงานของสหรัฐฯชี้ว่า อัตราเงินเฟ้อได้เพิ่มสูงขึ้นควบคู่ไปกับการเปิดเศรษฐกิจหลังมาตรการล็อกดาวน์ โดยพบว่าราคารถยนต์มือสองปรับตัวขึ้น 10.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจสหรัฐฯ
นายเจอโรม โพเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มองว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ หลังจากเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังไม่เป็นไปตามเป้า ซึ่งปัญหาการจ้างงานเป็นหนึ่งปัจจัยที่จำกัดซัพพลาย ซึ่งไม่สอดคล้องกับดีมานด์ที่เพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความเป็นไปได้ว่าจะต้องเผชิญกับภาวะเงินเฟ้อหนักกว่าที่คาด.
ที่มา: The Guardian, ABC