
นายพุทธิพงษ์ ปุณณ์กันต์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า จากการหารือกับผู้ประกอบการค้าออนไลน์ อาทิ บริษัท ลาซาด้า (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท ช้อปปี้ ประเทศไทย จำกัด, บริษัท เจดี เซ็นทรัล จำกัด สำนักงานพัฒนาธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ (เอ็ตด้า) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ที่ประชุมเห็นชอบร่วมกันที่จะจัดระเบียบธุรกรรมอิเล็กทรอนิกส์ หรือการค้าขายออนไลน์อีกครั้ง เพื่อป้องกันการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล และเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ในการหารือครั้งนี้ ได้มีการแบ่งระดับการค้าขายออนไลน์ เป็น 3 ระดับ คือ 1. ผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ ยกตัวอย่างลาซาด้า, ช้อปปี้, เจดี ฯลฯ 2. ผู้ให้บริการช่องทางการขายที่รับช่วงต่อจากผู้ประกอบการอี-คอมเมิร์ซ หรือเซลล์ เมเนจเมนท์ 3. บริษัทขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล 13 ล้านคนตามที่เป็นข่าวนั้น ทางลาซาด้ายืนยันว่า ไม่ได้รั่วไหลมาจากระบบของลาซาด้า แต่สันนิษฐานว่าเกิดจากผู้ประกอบการที่รับช่วงต่อการขาย ดังนั้น จึงจะต้องขึ้นทะเบียนเพื่อกำกับดูแลธุรกิจอี-คอมเมิร์ซและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง โดยจะเปิดให้ผู้ค้าอี-คอมเมิร์ซรายใหญ่มาขึ้นทะเบียนอีกครั้ง ส่วนผู้ประกอบการขนส่งโลจิสติกส์ ซึ่งปัจจุบันขึ้นทะเบียนอยู่แล้วกับกรมขนส่งทางบก กระทรวงดีอีเอสจะส่งหนังสือถึงบริษัทขนส่งโลจิสติกส์ทุกราย กำชับเรื่องการป้องกันข้อมูลรั่วไหลของลูกค้า
“ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซในไทย มีมูลค่าปีละ 3 ล้านล้านบาท ปัจจุบันขึ้นทะเบียนกับกรมธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ แต่ยังไม่ขึ้นทะเบียนธุรกิจค้าออนไลน์ ภายใต้ พ.ร.บ.ธุรกรรมการอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ.2544 ดังนั้นเอ็ตด้าจะต้องไปร่างกฎเกณฑ์เพื่อให้ผู้ประกอบการมาขึ้นทะเบียนภายในไตรมาสแรกของปีหน้า”.