นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยว่า จากนโยบายที่กรมธนารักษ์รณรงค์ให้ประชาชนนำเหรียญที่สะสมออกมาใช้ในตลาด และสนับสนุนให้ประชาชนใช้เงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการก้าวสู่ยุคดิจิทัลเต็มตัว ส่งผลให้ความต้องการใช้เหรียญน้อยลงมาก ดังนั้น กรมจึงจะปรับลดการผลิตเหรียญกษาปณ์ที่ใช้หมุนเวียนในระบบปี 2564 เหลือเพียง 1,200 ล้านเหรียญ จากปี 2563 นี้ กรมผลิตอยู่ที่ 2,000 ล้านเหรียญ หรือลดลง 800 ล้านเหรียญ
ดังนั้น จึงทำให้ต้นทุนในการผลิตเหรียญลดลงจากปกติจะอยู่ที่ 1,800-2,000 ล้านบาท มาอยู่ที่ 1,000 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม เหรียญที่ใช้หมุนเวียนในระบบมีสูงถึง 35,000 ล้านเหรียญ ซึ่งหากปรับลดการผลิตลงมาปริมาณเหรียญที่จะใช้ในตลาดยังคงมีเพียงพอใช้ถึง 4 ปีข้างหน้าแน่นอน
ส่วนรายได้การผลิตเหรียญกษาปณ์ในปีนี้ 2563 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,600 ล้านบาท โดยล่าสุด ณ 15 ก.ย.2563 มีรายได้แล้ว 1,200 ล้านบาท โดยรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการรับจ้างผลิตในประเทศประมาณ 500 ล้านบาท อาทิ เหรียญที่ระลึกของกระทรวงสาธารณสุข และอื่นๆ ขณะเดียวกันกรมยังมีแผนรับจ้างผลิตให้ต่างประเทศด้วย ซึ่งที่ผ่านมากรมเคยผลิตเหรียญให้ประเทศจอร์แดนมาแล้ว
“ในปี 2563 กรมมีรายได้จากการรับจ้างผลิตอยู่พอสมควร อาทิ กระทรวงสาธารณสุข ที่จ้างให้กรมผลิตเนื่องในโอกาสครบรอบ 100 ปีสาธารณสุขไทย เพื่อเป็นที่ระลึกและน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาวชิราวุธ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น”.