
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.), สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (สำนักงาน กกพ.) และภาคเอกชนด้านพลังงาน รวม 4 องค์กร ได้ร่วมกันคิดโครงการในการฟื้นฟูประเทศไทย ท่ามกลางโควิด-19 โดยเฉพาะการกระตุ้นผ่านการจ้างงานใหม่ ที่ปีการศึกษา 2563 จะมีนักศึกษาตั้งแต่ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) ประกาศนียบัตรวิชชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ปริญญาตรีจบใหม่ 400,000 คน ล่าสุด ได้ข้อสรุปว่าจะใช้เงินกองทุน เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน เป็นเครื่องมือในการจ้างงานและ ปตท. และ กฟผ.จะร่วมสนับสนุนผ่านโครงการต่างๆ อาทิ เรื่องการเปิดอบรมนักศึกษาจบใหม่ ให้มีความรู้ด้านพลังงาน ในเดือน ก.ย. เพื่อเริ่มจ้างงานในไตรมาส 4 เพื่อลดจำนวนการตกงานของผู้ที่จบการศึกษาใหม่ในปีนี้
สำหรับรูปแบบการจ้างงาน จะใช้แนวคิดหลักของโครงการเงินกู้ “มิยาซาวา” ที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจหลังวิกฤติต้มยำกุ้งที่มีการจ้างงานในพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศในทุกสาขาอาชีพ แต่ในครั้งนี้ ปตท., กฟผ., กกพ. และภาคเอกชน จะดำเนินการอย่างเข้มข้นและทำให้เห็นผลโดยจะ มีการประเมินผลงานที่ชัดเจน และใช้หลักสูตรของสถาบันวิทยาการพลังงานของ ปตท. ในการอบรม เพื่อให้เป็นแกนความรู้นำร่อง สำหรับนักศึกษาจบใหม่ ก่อนส่งเข้าไปเก็บข้อมูลด้านพลังงานทั่วประเทศ ประเด็นที่สำรวจ มีอาทิ ผลการดำเนินโครงการบ่อบาดาล, การติดตั้งแผงโซลาร์ ในพื้นที่ต่างๆที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานว่าได้ผลมากน้อยเพียงใด หรือ มีพื้นที่ใดปล่อยทิ้งร้างหรือไม่ ตลอดจนสำรวจพื้นที่ใดขาดแคลนไฟฟ้า และความเหมาะสมในการปลูกพืชพลังงาน การสนับสนุนการแปรรูปผลผลิตเกษตร เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ในพื้นที่ทั่วประเทศ หรือสินค้าที่ผลิตได้อาจจำหน่ายผ่านสถานีบริการ (ปั๊ม) ปตท.
ทั้งนี้ ผลสำรวจที่ได้ยังสามารถนำมาเป็นข้อมูลเชิงลึกด้านพลังงานหรือบิ๊กดาต้า ของประเทศไทย อาทิ ข้อมูลด้านพืชพลังงาน พืชใดเหมาะสมกับพื้นที่ใด ที่จะเป็นสาระสำคัญโรงไฟฟ้าชุมชน ว่า พื้นที่ที่ต้องการให้ตั้งโรงไฟฟ้าเหมาะสมกับวัตถุดิบพืชพลังงาน หรือองค์ประกอบต่างๆหรือไม่ ล่าสุด วันที่ 26 ส.ค.จะมีการประชุมคณะกรรมการกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน คาดว่าจะมีการอนุมัติโครงการวงเงิน 3,000 ล้านบาท เป็นก้อนแรกเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก.