อาร์สยาม-กามิกาเซ่คืนชีพ อาร์เอสรีแบรนด์โชว์ออฟฟิศ 16 ไร่

อาร์เอสรีแบรนด์ครั้งใหญ่ ย้ายสำนักงานไปถนนประเสริฐมนูกิจขนาด 16 ไร่ แต่ปีนี้ขอปรับเป้ารายได้ลงเหลือ 4,200 ล้านบาทจาก 5,000 ล้านบาทก่อน เปิดกลยุทธ์เก้าอี้ 4 ขา แม่น้ำ 3 สายสำหรับธุรกิจสื่อ–บันเทิง ปัดฝุ่นค่ายเพลงอาร์สยาม, กามิกาเซ่และโรสซาวด์ กลับเข้าสู่ธุรกิจใหม่ ให้ศิลปินมาร่วมสร้างธุรกิจขายสินค้าด้วยกัน

นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร อาร์เอส กรุ๊ป จัดงาน “Open House 2020” พร้อมเปิดอาคารสำนักงานแห่งใหม่ RS GROUP Headquarter (RSHQ) บนเนื้อที่ 16 ไร่ ถนนประเสริฐมนูกิจ พร้อมประกาศรีแบรนด์จากธุรกิจสื่อและบันเทิงมาสู่ธุรกิจพาณิชย์ในโมเดลใหม่ Entertainmerce ที่รวมธุรกิจคอมเมิร์ซ, สื่อและบันเทิงไว้ด้วยกันเพื่อสนับสนุนการเติบโตและเป้ายอดขาย 10,000 ล้านบาทในอนาคต

“อาร์เอสก้าวเข้าสู่ปีที่ 40 ด้วยวิสัยทัศน์และเป้าหมายชัดเจน มีวิธีการทำงานที่เรียนรู้ตลอดเวลา เตรียมองค์กรให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเสมอ กระจายทำงานเพื่อความคล่องตัวและรวดเร็ว ทำให้มีความพร้อมเสมอในการรับมือไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงดิสรัปชันหรือวิกฤตการณ์โควิด”

เห็นได้ชัดเจนว่าปีนี้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากโควิดในบางธุรกิจ เช่น การจัดอีเวนต์ คอนเสิร์ต แต่ภาพรวมยังเติบโตและมีกำไร โดยปีนี้ได้ปรับเป้าหมายรายได้ลดลงเหลือ 4,200 ล้านบาท จาก 5,000 ล้านบาท เมื่อเทียบรายได้ปีที่ผ่านมา 3,600 ล้านบาท

นายสุรชัย กล่าวว่า การรีแบรนด์ของอาร์เอสกรุ๊ป ได้วางกลยุทธ์สำคัญที่ธุรกิจคอมเมิร์ซ แล้วนำธุรกิจสื่อและบันเทิงมารีวิวใหม่ให้เชื่อมต่อกันด้วยคอนเทนต์และการบริหารข้อมูลที่มีประสิทธิภาพ โดยธุรกิจคอมเมิร์ซ ประกอบด้วย อาร์เอส มอลล์ มีฐานลูกค้า 1.4 ล้านราย ตลอดจนส่วน บริษัท ไลฟ์สตาร์ จำกัดดำเนินธุรกิจทางด้านสุขภาพและความงาม

สำหรับธุรกิจสื่อและบันเทิง ประกอบด้วยสถานีโทรทัศน์ช่อง 8 ดำเนินธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ เก้าอี้ 4 ขา กระจายรายได้มาจาก 4 ช่องทาง ได้แก่ มีเดียสปอนเซอร์ 40% การจัดอีเวนต์ 10% การขายลิขสิทธิ์ 15% และ Entertainmerce
35% โดยสำหรับธุรกิจเพลงในเดือน ต.ค.นี้ จะแนะนำกับศิลปินใหม่ ผ่าน 3 ค่ายเพลง ได้แก่ อาร์สยาม (Rsiam), กามิกาเซ่ (Kamikaze) และ Rose Sound นำเสนอไอเดียแพลตฟอร์มมีชีวิต Music Star Commerce ให้ศิลปินสร้างธุรกิจขายสินค้าด้วย

ส่วนธุรกิจวิทยุ COOLISM เดินหน้ากลยุทธ์แม่น้ำ 3 สาย เพื่อขยายรายได้หลักออกเป็น 3 ทาง Coolfahrenheit สัดส่วนรายได้ 40% ด้วยจำนวนเรตติ้งและคนฟังที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง COOLive สัดส่วนรายได้ 30% ด้วยการยกระดับการทำงานด้านคอนเสิร์ตและอีเวนต์ ให้เป็นหน่วยธุรกิจอิสระ สร้างสรรค์คอนเสิร์ต และมิวสิก เฟสติวัล โดยในปี 2564 เตรียมจัดงานทั้งหมด 10 งาน ที่มีทั้งศิลปินชั้นนำระดับประเทศและต่างประเทศ ตั้งเป้าเข้าถึงผู้ชมคอนเสิร์ตทั้งหมดกว่า 100,000 คน และ COOLanything ซึ่งเป็นแอปพลิเคชันจะมีสัดส่วนรายได้ 30% เป็นส่วนหนึ่งของโมเดล Entertainmerce ที่เปลี่ยนผู้ฟังจำนวน 2 ล้านคนให้เป็นลูกค้า สร้างประสบการณ์ที่ดีในการช็อปปิ้ง.