นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการท่องเที่ยว การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)
นายโชติ ตราชู ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กรมการท่องเที่ยว การกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.) สรุปงานที่ต้องเร่งขับเคลื่อนในปีนี้ เพื่อเตรียมนำเสนอต่อ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬาคนใหม่ โดยมีเรื่องที่ต้องรีบปฏิบัติตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นโยบายการท่องเที่ยวแห่งชาติ ฉบับปรับปรุง พ.ศ.2562 ที่เพิ่งประกาศใช้เมื่อวันที่ 20 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งกำหนดให้รัฐสามารถบังคับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามาในไทยต้องชำระค่าประกันภัย ประกันชีวิต เพื่อที่ภาครัฐเอาเงินนี้ไปซื้อกรมธรรม์คุ้มครองนักท่องเที่ยวต่างชาติ ให้ครอบคลุมทุกคน ที่ต้องเริ่มปฏิบัติภายใน 6 เดือน หลังจากกฎหมายมีผลบังคับใช้ และต้องกำหนดว่าจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวต่างชาติคนละเท่าใดด้วย
ขณะเดียวกัน มีภาคเอกชนท่องเที่ยวแสดงความเป็นห่วงตัวเลขของนักท่องเที่ยวปีนี้ หลังจากพบว่า ไตรมาสแรก (ม.ค.-เม.ย.) ขยายตัว 1.8% เป็นการขยายตัวที่ชะลอลง เมื่อดูจากปีที่ผ่านมาขยายตัว 8-10% และจากที่ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดภูเก็ตและพังงา ได้รับการร้องเรียนจากภาคเอกชนว่านักท่องเที่ยวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจนเงียบเหงา และตนเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของนักท่องเที่ยว จึงได้ย้ำไปยังสำนักงานท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด (กทจ.) ทั่วประเทศให้ไปสำรวจจุดให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์และพื้นที่ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเกิดอุบัติเหตุจากการขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้ำๆ เพื่อนำมาแก้ไขเพราะถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่สุด
ล่าสุด กระทรวงได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือด้านการท่องเที่ยวกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม โดย สองหน่วยงานจะร่วมมือในการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรม ผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ซึ่งปีที่ผ่านมา ไทยมีนักท่องเที่ยวต่างชาติ 38 ล้านคน สร้างรายได้หมุนเวียนในไทย 3 ล้านล้านบาท คิดเป็น 20% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ก่อให้เกิดการจ้างงาน 4.5 ล้านตำแหน่ง และนักท่องเที่ยวก็ได้เข้ามาใช้ทรัพยากรธรรมชาติในไทย เพื่อการท่องเที่ยวจำนวนมาก โดยเป็นแหล่งท่องเที่ยวในเขตอนุรักษ์กว่า 80% เช่น ป่า ชายหาด เกาะ และปะการัง จึงต้องหาทางป้องกันแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ
ไม่ให้เสื่อมโทรม
นายณรงค์ ศิริเลิศวรกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้ ในระยะเริ่มต้นจะร่วมมือศึกษาวิจัยในการผลักดันและส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในประเทศไทย ใน 3 ด้านหลัก อาทิ การดำเนินการจัดทำบัญชีประชาชาติด้านการท่องเที่ยวที่รวมต้นทุนด้านสิ่งแวดล้อม (Green GDP) ในเขตพัฒนาการท่องเที่ยวที่สำคัญ.