
ความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว การแข่งขันทางธุรกิจ รวมทั้งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ท้าทายผู้ประกอบการธุรกิจกับความจำเป็นต้องเรียนรู้ ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน อัปเดตกระแสตลอดเวลาเพื่อให้ธุรกิจเดินหน้าไปอย่างราบรื่นไร้อุปสรรคขวางกั้น
ทางผู้ประกอบการอย่างธนาคารทหารไทย หรือ “ทีเอ็มบี” มองเห็นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นระลอก จากคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จึงได้ริเริ่มนำแนวคิด LEAN Six Sigma มาปรับใช้เป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพองค์กรนับตั้งแต่ปี 2553 และนำมาสร้างหลักสูตรเพื่อช่วยผู้ประกอบการในภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุดช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติก รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) รวมกว่า 12,000 ราย โดยทางทีเอ็มบีได้จัดทำหลักสูตร LEAN Supply Chain Master รุ่นที่ 14 ในโครงการ LEAN Supply Chain by TMB หลักสูตรที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งซัพพลายเชน ผ่านเทคนิค Lean Six Sigma เน้นการเรียนรู้จริง เพื่อสร้างผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรมให้ผู้ประกอบการสามารถนำองค์ความรู้ไปก่อให้เกิดประโยชน์ เพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างแท้จริง และยังจะเป็นการสนับสนุนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของเศรษฐกิจไทยได้อีกทางหนึ่ง
ดร.รุจิกร ภาวสุทธิไพศิฐ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหาร บริหารการตลาดลูกค้าธุรกิจทีเอ็มบี กล่าวว่า จากข้อมูลของศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี พบว่า ในปี 2561 ที่ผ่านมา มีการส่งออกสินค้าเคมีภัณฑ์และพลาสติกมากเป็นอันดับ 3 จากอุตสาหกรรมส่งออกสำคัญทั้งหมด จำนวน 34 กลุ่ม คิดเป็นสัดส่วนการส่งออก 7.9% มีมูลค่า 20,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และนำเข้าเป็นอันดับ 6 ด้วยสัดส่วนการนำเข้า 6.9% ในมูลค่าที่ใกล้เคียงกับการส่งออก จึงถือได้ว่าเป็นอุตสาหกรรมหลักของประเทศ ซึ่งใช้วัตถุดิบสำคัญและซัพพลายเชนในประเทศสัดส่วนที่สูง อีกทั้ง ยังช่วยให้เกิดอุตสาหกรรมที่มีมูลค่าเพิ่มในประเทศสูงเช่นเดียวกัน ตลอดจนมีความเชื่อมโยงกับภาคการผลิตไปจนถึงการขายในอีกหลายๆอุตสาหกรรม เช่น บรรจุภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหาร และเวชภัณฑ์
หากมองในด้านโอกาสธุรกิจแล้ว พบว่ามีความต้องการเพิ่มขึ้นจากการพัฒนาใช้พลาสติกเป็นสินค้าทดแทนด้วยพลาสติก และการพัฒนาเพื่อเป็นสินค้าใหม่ เช่น เคมีภัณฑ์และยา ในขณะเดียวกันอุปสรรคสำคัญ คือการพึ่งพาตลาดจีนในระดับสูง ซึ่งหากจีนลดการนำเข้าลงก็จะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการส่งออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งผู้ประกอบการยังต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยี ที่ปัจจุบันเทคโนโลยีด้านสุขภาพ นาโนเทคโนโลยี และไบโอเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทสำคัญมากขึ้น
ทั้งนี้ ในด้านต้นทุนรวมของอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติก ยังพบว่ามีสัดส่วนค่อนข้างสูงที่ 81% ซึ่งหากผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสามารถลดต้นทุนจากการเพิ่มประสิทธิภาพได้เพียง 1% จะคิดเป็นเงินได้ถึง 5,411 ล้านบาท ซึ่งจะมีผลต่อ GDP ของประเทศให้เพิ่มขึ้นได้ถึง 0.04%
“ดังนั้น ทีเอ็มบีจึงได้ริเริ่มโครงการ LEAN Supply Chain by TMB ขึ้นมา เพื่อพัฒนาหลักสูตรเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจทั้งซัพพลายเชน ผ่านเทคนิค Lean Six Sigma เน้นเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพครบวงจรด้านการบริหารจัดการการผลิต ลดสินค้าคงคลัง เพิ่มผลผลิตในองค์กร และลดระยะเวลาในการทำงาน โดยหลักสูตรเน้นการเรียนรู้จริง และนำไปใช้เพื่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ดำเนินการมาแล้วถึง 6 ปี เปิดหลักสูตรรวม 13 รุ่น และกว่า 100 โปรเจกต์ที่ผ่านหลักสูตร Green Belt ซึ่งเป็นขั้นสุดท้ายจากบันได 3 ขั้นของการเรียนรู้ LEAN Supply Chain คือ White Belt, Blue Belt และ Green Belt พบว่าสามารถลดต้นทุนและเพิ่มรายได้แล้วกว่า 1,150 ล้านบาท มากไปกว่านั้นคือ ผู้เข้ารับการอบรมยังสามารถต่อยอดธุรกิจกับผู้ร่วมโครงการในเครือข่ายเดียวกันอีกด้วย” ดร.รุจิกรกล่าว
หลักสูตรนี้กำลังเปิดรับสมัครผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ครอบคลุมทั้งผู้ผลิตและนำเข้าวัตถุดิบด้านเคมีภัณฑ์ รวมทั้งตัวแทนจำหน่ายสินค้าที่ใช้เคมีภัณฑ์เป็นส่วนประกอบ ทั้งปลีกและส่ง และร้านขายอุปกรณ์การก่อสร้าง โดยเปิดรับสมัครแล้วตั้งแต่วันนี้-19 เม.ย.นี้ โดยรับจำนวนจำกัดเพียง 100 บริษัทอบรมฟรี
การร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีนานาชาติสิรินธร มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ (SIIT) และสมาคมผู้ผลิตสีไทย ซึ่งเป็นองค์กรที่มีความรู้ เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริง มาร่วมถ่ายทอดความรู้และกรณีศึกษาให้แก่เอสเอ็มอีผู้เข้ารับการอบรม โดยเป็นความร่วมมือที่ต้องการเพิ่มประสิทธิ-ภาพให้กับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์และพลาสติกอย่างครบวงจร อันจะเป็นการช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตต่อไป.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th