
นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปีนี้หากรัฐบาลชุดใหม่สามารถจัดตั้งเป็นที่เรียบร้อย และสามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เดินได้ต่อเนื่องโดยไม่มีการหยุดชะงัก อุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์จะเติบโต 5-10% จากปีที่ผ่านมาที่มูลค่าตลาด 300,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ อุตสาหกรรมการพิมพ์ ใน 3 เดือนแรกของปีนี้ที่เริ่มฟื้นตัวได้รับอานิสงส์ใน 2 ส่วนสำคัญคือ การเลือกตั้งที่พบว่าแม้มีการใช้สื่อโซเชียลมีเดียหาเสียงมากขึ้น แต่ด้วยจำนวนพรรคการเมือง ที่มีจำนวนมากเป็นประวัติการณ์ส่งผู้สมัครรับเลือกตั้ง ทำให้เกิดเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาในการหาเสียงผ่านสื่อสิ่งพิมพ์เพิ่มขึ้น จากที่คาดว่า การเลือกตั้งครั้งนี้อาจมีเม็ดเงินโฆษณาเข้ามาพอสมควร แต่ก็ไม่มากนัก เพราะผู้สมัครหันไปใช้สื่อโซเชียลมีเดียในการหาเสียงเป็นหลัก และส่งผลให้สื่อสิ่งพิมพ์คงไม่ได้รับความสนใจ หรือใช้เป็นสื่อหลักในการหาเสียง แต่ก็ปรากฏว่า มีผู้สมัครมาจ้างพิมพ์ใบปลิว แผ่นพับ โปสเตอร์ ป้ายไวนิล เป็นจำนวนมากทั้ง 350 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ทำให้ยอดการจำหน่ายผลผลิตภัณฑ์จากสิ่งพิมพ์กลุ่มนี้เพิ่มขึ้นใน 1-2 เดือนที่ผ่านมา ถือได้ว่าเลือกตั้งรอบนี้ ธุรกิจสิ่งพิมพ์ยังไม่ได้รับผลกระทบจากสื่อโซเชียลมีเดีย และยังช่วยทำให้ยอดรวมตลอดทั้งปีนี้ขยายตัวได้ 4-5%
นอกจากนี้ ระหว่างวันที่ 28 มี.ค.-7 เม.ย.นี้ ที่ีการจัดงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 47 และงานสัปดาห์หนังสือนานาชาติครั้งที่ 17 ที่เป็นการจัดงานที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ก่อนที่จะปิดเพื่อทำการปรับปรุงใหม่เป็นเวลา 3 ปี คณะผู้จัดงานก็คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้าชมงานและซื้อหนังสือในงานจำนวนมาก ซึ่งเป็นการกระตุ้นให้อุตสาหกรรมการพิมพ์เติบโตเพิ่มขึ้นอีก
“อุตสาหกรรมบรรจุภัณฑ์ก็มีแนวโน้มที่เติบโตต่อเนื่อง สอดคล้องกับทิศทางการส่งออก รวมทั้งการซื้อสินค้าทุกชนิด ขายผ่านช่องทางออนไลน์ในประเทศที่เติบโต ก็ได้ผลักดันให้มีการใช้บรรจุภัณฑ์มากขึ้น โดยในเทศกาลปีใหม่และคริสต์มาสที่ผ่านมา ที่มีการสั่งซื้อสินค้าเพื่อมอบเป็นของขวัญจำนวนมาก ส่งผลให้บรรจุภัณฑ์ในประเทศเติบโต ส่วนเรื่องของการส่งออกก็ต้องยอมรับว่าปีนี้หลายฝ่ายมองว่าอาจชะลอตัวจากปี 2561 เนื่องจากเป็นไปตามทิศทางของเศรษฐกิจโลก”.