
การทำธุรกิจอะไรก็ตาม คงหนีไม่พ้นที่จะต้องเจอะเจอกับสภาวะ “แข่งขัน” ทั้งกับผู้ประกอบการรายอื่นๆ หรือผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในประเภทเดียวกัน
แน่นอนยิ่งทำผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเดียวกัน การแข่งขันย่อมดุเดือด เพื่อหวังการแย่งชิงลูกค้า เข็นกลยุทธ์ทั้งลด แลก แจก แถม มาจูงใจ อาจถึงขั้นยอมได้กำไรน้อย ลดราคาแข่งกันเพื่อหวังแค่ขายผลิตภัณฑ์ได้ และที่สุดก็อาจไม่รอดต้องล้มเลิกธุรกิจไป
ทั้งนี้ การเตรียมความพร้อมในการทำธุรกิจ เพื่อรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น รวมถึงคิดค้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้มีศักยภาพสามารถแข่งขันในตลาดได้ ศึกษาแนวโน้มทิศทางของตลาด รวมถึงพฤติกรรมของลูกค้า ล้วนเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ธุรกิจนั้นเติบโตอยู่รอดต่อได้
Business On My Way สัปดาห์นี้ขอพาไปรู้จักผลิตภัณฑ์ยาสีฟันแบรนด์หนึ่งที่เจ้าของแบรนด์เขาเตรียมกลยุทธ์ต่างๆเพื่อดำเนินธุรกิจให้ประสบพบกับ “ความสำเร็จ” ที่สำคัญคือ นำความโดดเด่นในเรื่องสมุนไพรไทยที่แสนมีประโยชน์ล้น มาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก กับแบรนด์ยาสีฟัน “ศิริชมพู” ยาสีฟันสมุนไพรไทยแท้ ที่ไม่แพ้ชาติใดในโลก
คุณกุ๊บ (ศิรินัดดา หักพาล) เจ้าของแบรนด์ “ศิริชมพู” เล่าว่า คงปฏิเสธไม่ได้ว่ายาสีฟันเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูง แต่ด้วยความเชื่อมั่นในตัวผลิตภัณฑ์ก็เชื่อว่าสามารถแข่งขันได้ เนื่องจากก่อนที่จะทำออกมาจำหน่ายก็มีการทดลองให้กลุ่มคนใกล้ชิดได้ใช้ ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดี กระทั่งกลุ่มคนเหล่านั้นแนะนำให้ทำขายดู ซึ่งก็เป็นแรงบันดาลใจให้ก้าวมาทำธุรกิจนี้
“สำหรับสูตรของยาสีฟันที่ทำนั้น เป็นสูตรที่ตกทอดมาตั้งแต่รุ่นคุณยาย โดยที่บ้านจะทำยาสีฟันใช้กันเองภายในครอบครัว ซึ่งตั้งแต่จำความได้กุ๊บก็เห็นและใช้มาตั้งแต่เด็ก”
โดยสิ่งที่เห็นและสังเกตได้จากตนเอง คือสุขภาพช่องปากที่ดี ฟัน เหงือก แข็งแรง รวมถึงเสียงคนใกล้ชิดที่มีโอกาสได้ใช้ยาสีฟัน ต่างก็บอกว่าสุขภาพช่องปากดีขึ้น
ทั้งนี้ มีอีกเหตุการณ์ที่สร้างความมั่นใจให้ยาสีฟันศิริชมพู คือมีนักธุรกิจชาวจีนสั่งซื้อผลิตภัณฑ์ โดยเป็นการไปเจอกันภายในงานและพูดคุยถึงเรื่องสุขภาพช่องปาก และได้มีโอกาสส่งยาสีฟันไปให้เขาใช้ หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือน เขาก็ตัดสินใจอยากที่จะสั่งไปจำหน่าย แต่เนื่องจากเวลานั้นยังไม่มีความพร้อม ในเรื่องแผนการตลาด ทำแบรนดิ้ง รวมถึงการขออนุญาตรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ซึ่งขณะนี้ได้ขออนุญาตเรียบร้อยแล้ว
คุณกุ๊บ เล่าว่า จากวันนั้นก็ทำให้มุ่งมั่นที่จะทำธุรกิจนี้อย่างจริงจัง ซึ่งก็ใช้เวลาศึกษาพัฒนาในเรื่องแพ็กเกจจิ้ง ทำโลโก้ เตรียมแผนทำการตลาดอยู่ 2 ปี กระทั่งเมื่อต้นปีที่ผ่านมาศิริชมพูก็พร้อมออกสู้ศึกตลาดยาสีฟัน
“ความยากของการทำยาสีฟันสำหรับกุ๊บคือในเรื่องแพ็กเกจจิ้ง เพราะไม่สามารถบรรจุในรูปแบบหลอดบีบได้ เนื่องด้วยตัวยาสีฟันมีความเข้มข้นสูง ทำให้อยู่ในรูปแบบหลอดแล้วจะบีบได้ยาก จึงต้องบรรจุในรูปแบบตลับ โดยเวลาใช้ก็ใช้ไม้พายที่มีให้ในกล่องตักและนำมาป้ายที่ตัวแปรง”
ทั้งนี้ ด้วยความที่ตัวยาสีฟันมีความข้น เป็นผลมาจากการใช้สมุนไพรเป็นส่วนผสมในตัวยาสีฟันถึง 80% กว่า 30 ชนิด อาทิ โหระพา ใบบัวบก มะแขว่น ชะเอมเทศ กานพลู ใบฝรั่ง มะขามป้อม ตะไคร้ ข่อย ใบยี่หร่า ว่านหางจระเข้ แมงลัก ใบพลู การบูร แจง ฝักคราดหัวแหวน เป็นต้น มาแปรรูปให้เป็นผงแล้วนำไปผลิตยาสีฟัน
คุณกุ๊บ เล่าว่า ศิริชมพูจะให้ความสำคัญในเรื่องการคัดสรรวัตถุดิบตัวสมุนไพรอย่างมาก โดยไปทำสัญญาซื้อขายกับทางสวนผู้ปลูกโดยตรง ซึ่งการซื้อแต่ละครั้งก็จะซื้อให้พอดีกับจำนวนการผลิต เพื่อให้สมุนไพรมีความสดใหม่เสมอ อีกทั้งเป็นการบริหารธุรกิจไม่ให้มีความเสี่ยง เพราะศิริชมพูจะเปิดรับออเดอร์ก่อนการผลิต เพื่อให้รู้ยอดไม่ใช่ผลิตออกมาเยอะ แล้วไม่รู้จะไปขายให้ใคร
ทั้งนี้ มีหลายคนพูดว่าทำไมไม่ซื้อสมุนไพรสำเร็จรูปที่เขาบดมาเป็นผงให้เลยน่าจะสะดวกกว่า คุณกุ๊บ เล่าด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า การที่เลือกไปหาซื้อสมุนไพรมาแปรรูปเองเพราะ เชื่อมั่นได้ว่าเราได้สมุนไพรชนิดนั้นจริง ไม่ได้มีส่วนผสมอื่นเจือปน ไม่มีสารพิษตกค้าง ซึ่งการที่ได้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ก็ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณภาพตามไปด้วย สำหรับราคาจำหน่ายตลับละ 150 บาท มีให้เลือกขนาดเดียว 30 กรัม
งานนี้ใครอยากลองใช้ และดูแลสุขภาพช่องปาก ก็เข้าไปสั่งได้ที่ช่องทางเพจเฟซบุ๊ก และอินสตาแกรม : sirichombhu.th ทั้งนี้ ช่วงปลายปีก็มีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาสระผมออกมาเพิ่มอีกด้วย.