
นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างการศึกษาภาษีรถยนต์เพื่อสนับสนุนการลดปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก PM 2.5 ที่มีค่าเกินมาตรฐาน โดยสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปดูว่า หากจะลดภาษีรถยนต์ไฟฟ้า (อีวี) เหลือ 0% ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ เพื่อส่งเสริมรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้ผลิตในประเทศ 15 รายอยู่ในกลุ่มที่ได้รับการส่งเสริมจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ซึ่งเสียภาษีสรรพสามิตรถยนต์อีวีอยู่ที่ 2%
“กรมกำลังดูว่าถ้าจะลดภาษีรถอีวีให้เหลือ 0% ได้หรือไม่ โดยมีข้อแม้ว่าผู้ผลิตต้องเร่งผลิตรถยนต์ก่อนกำหนดที่บีโอไอวางไว้ 3 ปี ซึ่งถ้าทำไม่ได้ตามที่กำหนดจะต้องคืนภาษีมาให้กับกรม อย่างไรก็ตาม ขณะนี้รถอีวีไทยยังนำเข้าจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่รัฐบาลอยากส่งเสริมให้รถอีวีผลิตขึ้นในไทย เพื่อประโยชน์ทางด้านสิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี”
สำหรับภาษีสรรพสามิตของรถอีวีในอัตรา 2% คิดเป็นเงินภาษีประมาณหลักหมื่นบาทต่อคันเท่านั้น ถือว่าไม่มาก แต่การลดภาษีจะเป็นเชิงสัญลักษณ์ว่า รัฐสนับสนุนรถยนต์ดังกล่าว ซึ่งกรมพยายามจะสรุปเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เพราะขณะนี้ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เริ่มรุนแรงขึ้น และควันจากรถยนต์เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหา
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันราคารถยนต์อีวีอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง หรือตกคันละประมาณ 2 ล้านบาท เนื่องจากตัวแบตเตอรี่มีราคาแพงคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 50% ของราคารถยนต์ ดังนั้น กรมมีความคิดจะให้มีการตั้งโรงงานผลิต หรือประกอบแบตเตอรี่ในประเทศไทย และต้องมีการนำแบตเตอรี่กลับมาใช้ใหม่ (Re-used) เพื่อทำให้ราคาแบตเตอรี่มีราคาถูกลง.