นายศักดา พันธุ์กล้า อดีตรองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ผู้โดยสารบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) พร้อมภรรยา ที่ได้รับผลกระทบจากความล่าช้าของเที่ยวบินทีจี 971 เส้นทางซูริก-กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 11 ต.ค.เปิดเผยหลังจากที่ตัวแทนของการบินไทยเข้าพบที่บ้านพักเมื่อวันที่ 22 ต.ค.ว่า ขอบคุณที่ได้ส่งตัวแทนมาขอโทษถึงที่บ้าน และไม่ได้ติดใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และขอชี้แจงว่า ไม่ได้เสียใจจากการถูกย้ายที่นั่ง เพราะถ้าไม่ยอมย้ายก็คงไม่ได้กลับบ้าน แต่ข้องใจว่าเรื่องเล็กน้อยแค่นี้ ทำให้ผู้โดยสารทั้งลำเสียเวลาไป 2.30 ชั่วโมง จึงได้ทำจดหมายร้องเรียน แต่จดหมายได้หลุดไปเป็นข่าวข้างนอกได้อย่างไรตนไม่ทราบ และต้องการให้ข้อเสนอแนะเพื่อการบินไทย นำไปปรับปรุง 2 ประเด็น ดังนี้
1.ตนซื้อบัตรโดยสารชั้นธุรกิจด้วยเงินสด ในขากลับจากซูริก-กรุงเทพฯ เที่ยวเดียวที่การบินไทยกรุงเทพฯ ซึ่งแพงมาก และเส้นทางนี้ไม่มีชั้นหนึ่ง ขณะที่ไปซื้อบัตรโดยสาร ก็ไม่ได้ขอใช้สิทธิพิเศษใดๆในการอัปเกรด และไม่ทราบเรื่องการอัปเกรดที่นั่ง จึงเข้าใจว่าเมื่อมีการเปลี่ยนเครื่อง เขาก็ยึดที่นั่งตามเดิม เพราะตอนไปออกบัตรโดยสารก็ไม่ได้เลือกที่นั่งเอง เจ้าหน้าที่ออกบัตรโดยสารออกให้โดยได้ที่นั่ง 1K และ 2K และทราบว่าเป็นที่นั่งด้านหน้าสุด ก็คิดว่าได้ที่นั่งสบายเท่านั้น ซึ่งยืนยันว่า ตนเกษียณอายุราชการแล้ว ย่อมไม่มีสิทธิพิเศษใดๆเช่นกัน
2. การย้ายที่นั่งเป็นเพียงต้นตอของปัญหา ซึ่งสาระสำคัญคือ ความล่าช้าของเที่ยวบิน มีผลกระทบต่อคนมากกว่า 300 คน เรื่องนี้ ถ้าผู้ปฏิบัติงานคำนึงถึงผู้โดยสาร มากกว่ากฎเกณฑ์ของนักบินที่ไม่ได้ปฏิบัติงาน โดยนำเครื่องขึ้นตามเวลา และเมื่อถึงที่หมายท่านก็ดำเนินการจัดทำรายงานเรื่องภายใน ของการกระทำผิดกฎของพวกท่าน ใครพักผ่อนไม่เพียงพอก็ว่ากันไป ก็จะไม่มีผลกระทบต่อผู้โดยสาร
“ผมหวังว่าการบินไทยจะออกมาชี้แจงข้อเท็จจริง ว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้ภาพของผู้โดยสารบางส่วน ถูกมองว่าไม่เสียสละที่นั่งให้กับนักบิน หรือภาพลักษณ์ของนักบินและเจ้าหน้าที่ ที่มีความเป็นมืออาชีพ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ต้องเสื่อมเสียโดยเหมารวม การพูดความจริงและจริงใจแก้ไขปัญหา เป็นทางออกที่ดี หวังว่าการบินไทยจะรักผู้โดยสารเท่าฟ้าเหมือนกับคำขวัญ การบินไทยรักคุณเท่าฟ้า”.