วาดฝันเพิ่มเม็ดเงินอุดหนุนแอลพีจีลากยาวถึงสิ้นปี
นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงาน (กบง.) ว่า ที่ประชุม กบง.มีมติเห็นชอบปรับลดอัตราเงินชดเชยกองทุนน้ำมัน สำหรับน้ำมันดีเซลหมุนเร็วจาก 50 สตางค์ (สต.) ต่อลิตร เป็น 13 สต.ต่อลิตร และน้ำมันดีเซลหมุนเร็วบี 20 จาก 3.51 บาทต่อลิตร เป็น 3.10 บาทต่อลิตร ทั้งนี้การปรับลดดังกล่าว จะไม่มีผลต่อการปรับราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศขึ้น
“กรณีดังกล่าว ได้ส่งผลให้ภาพรวมกองทุนน้ำมัน มีสภาพคล่องเพิ่มขึ้น 724 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 24 ล้านบาทต่อวัน จากเดิมมีรายจ่าย 1,040 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 35 ล้านบาทต่อวัน เป็นมีรายจ่าย 315 ล้านบาทต่อเดือน หรือ 11 ล้านบาทต่อวัน จากปัจจุบันสถานภาพเงินกองทุนน้ำมัน ณ 15 ก.ค.61 มีฐานะเป็นบวกสุทธิ 29,673 ล้านบาท
ขณะเดียวกัน ในปัจจุบันสถานการณ์ราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ตลาดโลกขณะนี้มีความผันผวนมาก ที่ประชุม
กบง.จึงได้มีมติให้กำหนดบัญชีแอลพีจีที่อยู่ในกองทุนน้ำมัน สามารถติดลบได้ไม่เกิน 3,000 ล้านบาท เพื่อการบริหารจัดการสถานการณ์ ให้เกิดเสถียรภาพในการรักษาระดับราคาแอลพีจีขายปลีกขนาดถัง 15 กิโลกรัม (กก.) ให้คงอยู่ที่ 363 บาทต่อถัง เฉพาะผู้ใช้ภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปีนี้ ที่จะต้องใช้เงินอุดหนุน 560 ล้านบาทต่อเดือน “ที่ผ่านมามีการนำเงินกองทุนน้ำมัน ในส่วนของบัญชีแอลพีจี ดูแลราคาขายปลีกในตลาดไม่ให้สูงเกินกว่าราคาแนะนำ 363 บาทต่อขนาดถัง 15 กก. ซึ่งทำให้กองทุนแอลพีจี ณ วันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ติดลบ 117 ล้านบาท “
นายทวารัฐ กล่าวว่า กบง.ยืนยันว่าสถานภาพของกองทุนน้ำมัน ยังเสถียรภาพ ไม่ได้ถังแตก โดยรัฐบาลพร้อมจะดูแลราคาขายปลีก ที่ขายให้กับประชาชน นอกจากนี้ กบง.ยังเห็นชอบปรับหลักเกณฑ์ราคานำเข้าและราคาแอลพีจี ณ โรงกลั่นทุกสองสัปดาห์แทน จากเดิมที่เปลี่ยนแปลงเป็นรายสัปดาห์ โดยใช้ค่าเฉลี่ยย้อนหลังสองสัปดาห์ก่อนหน้าในการคำนวณค่าที่จะใช้ในสองสัปดาห์ถัดไป มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 31 ก.ค.เป็นต้นไป เพื่อไม่ให้ผันผวนมาก.