ไม่ใช่ละคร แต่คือเรื่องจริง ราคาหุ้นช่อง 3 ยังร่วงไม่หยุด

ยิ่งกว่าดราม่า สำหรับผู้ถือหุ้นช่อง 3 ที่สัมผัสความสุขได้เพียงไม่กี่เดือนจากราคาหุ้นที่พุ่งขึ้นช่วงกระแสออเจ้า บุพเพสันนิวาส มาเพลานี้ ราคาร่วงไปสัมผัสจุดต่ำสุดอีกวันในรอบกว่า 20 ปี

หลังบุพเพสันนิวาสจบเฟิสต์รัน ช่วงไพรม์ไทม์หลังสองทุ่มไปเมื่อกลางเดือนเม.ย. และเริ่มรีรันช่วงก่อนสองทุ่ม ตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านักลงทุนบางคนจะมั่นใจในการถือหุ้นช่อง 3 เพราะละคร และรายการอื่น ๆ เรตติ้งยังไม่พุ่ง เมื่อเรตติ้งไม่พุ่ง ก็ยากที่จะมีรายได้จากโฆษณาง่าย ๆ เหมือนช่วงกระแสออเจ้า

ผลที่เกิดขึ้นคือราคาหุ้นช่อง 3 วันนี้ (5 มิ.ย.61) ยังทำสถิติใหม่ปิดลบต่ำสุดในรอบกว่า 20 ปี นับตั้งแต่จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ก.ค.2539

รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯ แจ้งว่าราคาหุ้นบริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) BEC เจ้าของกลุ่มสถานีโทรทัศน์ดิจิทัลทีวี 3 ช่อง ปิดตลาดวันนี้ ร่วงลงจากเมื่อวานนี้ 20 สตางค์ หรือร้อยละ 2.30 ไปอยู่ที่ 8.50 บาท มูลค่าการซื้อขายประมาณ 227 ล้านบาท ขณะที่ตลาดรวมดัชนีปรับตัวบวกขึ้น 11.42 จุด

หากย้อนไปในช่วง บุพเพสันนิวาส ที่ออกอากาศตั้งแต่ปลายเดือนก.พ. ถึงกลางเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา ราคาหุ้นช่วงนั้นขึ้นไปสูงสุดที่ 13.80 บาท เมื่อวันพุธที่ 14 มี.ค.61 สูงสุดนับตั้งแต่ต้นปี 2561

อย่างไรก็ตาม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ภายในช่อง 3 มีการปรับตัว เปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ ตั้งแต่ความพยายามดันเรตติ้ง เพื่อหวังดึงผู้ชม ที่เริ่มเห็นชัดในช่วงเช้าที่เริ่มเวลาข่าวเรื่องเล่าเช้านี้ให้ออกอากาศเร็วขึ้น จากเดิมออกอากาศ 06.00-08.30 น. เป็นเริ่ม 05.30-08.00 น. เพื่อให้เวลากับละครเก่าที่นำมารีรัน

นอกจากนี้ยังมีละครลอตใหม่ อย่างลิขิตรัก รายการเกมโชว์ใหม่อย่าง เดอะเบสท์ ออฟ ออล เลขระทึกโลก ที่เริ่มในไตรมาส 2 นี้ โดยมีโมเดลการขายโฆษณาร่วมกันระหว่างฝ่ายขายของช่อง 3 กับกลุ่มเซิร์ช เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ที่รับผลิตรายการให้ 

ในส่วนของการหาพันธมิตร เพื่อสร้างรายได้จากของที่มีอยู่นั้น ล่าสุดได้จับมือกับบริษัท เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย จำกัด (มหาชน) ให้เจเคเอ็น ผู้นำเข้ารายการต่างประเทศโดยเฉพาะซีรีส์อินเดีย นำละครของช่อง 3 ที่เคยออกอากาศในปี 2556-2560 ประมาณ 70 เรื่องไปขายต่างประเทศ ยกเว้น จีน ฮ่องกง มาเก๊า กัมพูชา เวียดนาม เมียนมา ที่ช่อง 3 ส่งออกละครไปออกอากาศเองอยู่แล้ว

ขณะที่การพยายามลดต้นทุนระยะยาวนั้น ก่อนหน้านี้ได้มีโปรแกรมให้พนักงานสมัครใจลาออก หลังจากที่ไตรมาส 4 ปี 2560 ขาดทุน 335 ล้านบาท และต่อเนื่องมาถึงไตรมาส 1 ปี 2561 ขาดทุนอีก 126 ล้านบาท

สำหรับการถือครองหุ้นนั้น ตั้งแต่เดือนเม.ย.ที่ผ่านมา กลุ่มครอบครัวของนายประวิทย์ มาลีนนท์ ที่เคยถือหุ้นใหญ่ในช่อง 3 ได้ขายหุ้นไปทั้งหมด หุ้นส่วนใหญ่ที่เหลืออยู่ จึงมีน้อง ๆ และลูกหลานมาลีนนท์คนอื่น ๆ มาถือแทน 

ในส่วนนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ จากบริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ เคยประเมินไว้เมื่อวันที่ 14 พ.ค.ว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ที่กำลังจะจบสิ้นเดือนมิ.ย.นี้ ช่อง 3 น่าจะมีผลประกอบการดีขึ้น เพราะเป็นช่วงที่โฆษณาใช้งบสูงประจำปี และมีการเปิดตัวรายการใหม่ และคงเป้าหมายราคาหุ้นไว้ที่ 10 บาท