
ยื้อศึกษาพฤติกรรมการกิน 1 ปี เหตุคนไทยกินมั่วหวั่นปนสารเร่ง
นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า หลังจากที่กระทรวงเกษตรฯร่วมเดินทางไปกับกระทรวงพาณิชย์เจรจาเรื่องการนำเข้าหมูกับทางสหรัฐฯ ทางอธิบดีกรมปศุสัตว์ได้แจ้งกับทางผู้แทนการเจรจาของสหรัฐฯว่า ไทยยอมรับในมาตรฐานโคเด็กซ์เรื่องปริมาณสารเร่งเนื้อแดงที่มีในเนื้อหมู ซึ่งเนื้อหมูของสหรัฐฯได้ผ่านการรับรองจากโคเด็กซ์ว่าไม่มีพิษภัยต่อร่างกาย อย่างไรก็ตาม พฤติกรรมการบริโภคหมูของคนเอเชียและคนไทยรับประทานทุกอย่างของหมู ทั้งตับ ไต ไส้ พุง ซึ่งแตกต่างจากคนสหรัฐฯที่บริโภคเฉพาะเนื้อหมู ดังนั้น จะตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่างไทยกับสหรัฐฯ ศึกษาพฤติกรรมคนไทยว่าจะได้รับผลกระทบจากสารเร่งเนื้อแดงหรือไม่ เนื่องจากเครื่องในหมูอาจจะมีสารเร่งเนื้อแดงที่แตกต่างกัน ระยะเวลาการศึกษา 1 ปี จึงยังไม่มีการนำเข้าหมูจากสหรัฐฯในตอนนี้
ส่วนการแก้ไขปัญหาราคายางพาราตกต่ำ ขณะนี้ราคาน้ำมันดิบขึ้นมาอยู่ที่ 73 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ซึ่งราคายางพาราควรจะขยับมาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 65-70 บาท แต่ยังอยู่ที่ กก.ละ 50.19 บาท เพราะค่าเงินบาทแข็งขึ้น อย่างไรก็ตาม จากนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้ส่วนราชการใช้ยางพารามากขึ้นพร้อมทั้งได้แก้ปัญหาที่ติดขัดด้านระเบียบต่างๆ จากยอดใช้ของส่วนราชการในเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมารวม 800 ตัน ขณะนี้ เพิ่มขึ้นเป็น 30,000 ตันแล้ว คาดว่าในเดือน พ.ค.-มิ.ย.จะขยับขึ้นเป็น 100,000 ตัน และในเดือน ก.ย.ซึ่งสิ้นปีงบประมาณ 2561 จะได้ตามเป้าหมาย 200,000 ตัน เมื่อรวมกับความต้องการใช้ยางปกติในประเทศ 400,000 ตัน ต่อปี จะทำให้ปีนี้ใช้ยางในประเทศ 600,000 ตัน ส่วนยางพาราในสต๊อกรัฐบาลที่เกิดจากการแทรกแซงราคายางของรัฐบาลในอดีตที่เหลืออยู่ประมาณ 100,000 ตันนั้น ล่าสุดนายกฯได้สั่งการให้นำไปใช้ทำถนนในหน่วยงานทหาร
นอกจากนี้ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาราคายางพารามีผลเช่นเดียวกับการกำหนดราคาน้ำมันของกลุ่มโอเปก จึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยังทูตของอินโดนีเซีย มาเลเซีย และเวียดนาม ในการจัดตั้งคณะกรรมการกำหนดราคายางพาราร่วมกัน คาดว่าในเดือน พ.ค.คงชัดเจน และหารือกับกระทรวงพาณิชย์เพื่อตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อกำหนดราคารับซื้อขายยางพาราในประเทศ.