ศัลยกรรมความงามไทยเติบโต พบกลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบทำจมูกและตาเป็นอันดับแรก

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

Tag

ศัลยกรรมความงามไทยเติบโต พบกลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบทำจมูกและตาเป็นอันดับแรก

Date Time: 31 ต.ค. 2567 07:30 น.

Video

ล้วงไส้ TEMU อีคอมเมิร์ซจีน บุกไทย ทำไมอาจสร้างวิบากกรรมกว่าที่คิด ? | Digital Frontiers

Summary

  • โรงพยาบาลยันฮีเผยศัลยกรรมความงามไทยยังเติบโต พบกลุ่มคนรุ่นใหม่ชอบทำจมูกและตาเป็นอันดับแรก มั่นใจโรงพยาบาลจะเติบโตเพิ่มเติมได้อีก 4-5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า พร้อมรุกตลาด CLMV ดึงกลุ่มคนใหม่ๆ เข้าประเทศมากขึ้น

Latest


ทพญ.สุชาวดี สัมฤทธิวณิชชา กรรมการบริษัท โรงพยาบาลยันฮี กล่าวว่า จากตัวเลขมูลค่าตลาดศัลยกรรมความงามของไทยเฉลี่ยอยู่ที่ 70,000 ล้านบาท มีการเติบโตต่อเนื่องเฉลี่ย 2-3% ต่อปี ซึ่งโรงพยาบาลยันฮีเองก็ตั้งเป้าจะเพิ่มอัตราการเติบโตไว้ที่ 4-5% ในอีก 3 ปีข้างหน้า แม้สภาพเศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของตลาดนี้

ปัจจุบันยันฮีเองมีผู้เข้ามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความสวยความงามและดูแลสุขภาพด้านอื่นๆ จะเป็นคนไทย 70% และชาวต่างชาติ 30% โดยเฉพาะชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หรือ UAE จากประเทศแถบเอเชียใต้ อาทิ อินเดีย ปากีสถาน บังกลาเทศ เนปาล ศรีลังกา และเมียนมามาใช้บริการด้านศัลยกรรมความงามจำนวนมาก

ทพญ.สุชาวดี กล่าวอีกว่า การศัลยกรรมในโรงพยาบาลของเรา 90% ยังคงเป็นผู้หญิง ซึ่งศัลยกรรมที่ได้รับความนิยมมากโดยตลอด จะเป็นการศัลยกรรมจมูก ตามมาด้วยตา การเสริมหน้าอก การดูดไขมัน และการทำหัตถการเกี่ยวกับผิวพรรณ เลเซอร์ยกกระชับ หน้าใส

โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ จะสนใจการทำจมูก ตา และการดัดฟันพร้อมตัดขากรรไกร ส่วนกลุ่มผู้สูงอายุสนใจการยกกระชับใบหน้า และมีการปรับโครงสร้างใบหน้า สำหรับแผนการตลาดที่เราจะมุ่งไปคือการขยายกลุ่ม CLMV ได้แก่ กัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา และเวียดนามมากขึ้น โดยขณะนี้ได้มีการโรดโชว์ไปยังประเทศกัมพูชาแล้ว

นอกจากนี้เรายังได้ขยายกลุ่มผู้ข้ามเพศทั้งไทยและต่างชาติที่ต้องการผ่าตัดแปลงเพศอีกด้วย เนื่องจากที่ผ่านมามีต่างชาติโดยเฉพาะจีน เกาหลี และญี่ปุ่น ให้ความสนใจในการผ่าตัดแปลงเพศ ซึ่งยันฮีถือเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญ การมีบริการหลากหลายและแบบครบวงจรด้านร่างกาย รวมถึงจิตใจตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการทั้งการแปลงเพศชาย-หญิง และหญิง-ชาย

"ยันฮีได้วางยุทธศาสตร์การเติบโตที่ชัดเจน มุ่งเน้นการขยายบริการเฉพาะทางที่มีความต้องการสูง โดยเฉพาะด้านศัลยกรรมความงามและการฟื้นฟูสุขภาพ ควบคู่ไปกับการเพิ่มบริการตรวจสุขภาพเชิงรุก การพัฒนาศักยภาพบุคลากรทางการแพทย์ผ่านโปรแกรมฝึกอบรมที่ทันสมัย และการสร้างสวัสดิการที่ดีเพื่อรักษาบุคลากรคุณภาพ"

ล่าสุดโรงพยาบาลยันฮียังคงรักษาความเป็นผู้นำด้วยกลยุทธ์การพัฒนาที่ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งการลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ทันสมัย การพัฒนาศักยภาพบุคลากรอย่างต่อเนื่อง และการขยายขอบเขตการให้บริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ป่วยทุกกลุ่ม

นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังให้ความสำคัญกับการนำนวัตกรรมดิจิทัลมาใช้ในการให้บริการ อาทิ ระบบการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ระบบข้อมูลสุขภาพอิเล็กทรอนิกส์ (EMR) และการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวินิจฉัยและการรักษา สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่และสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคที่ไม่อาจคาดเดาได้อีกด้วย

ขณะเดียวกันโรงพยาบาลยันฮี เพิ่งปิดโครงการผ่าตัดรักษาต้อเนื้อฟรีเพื่อตอบแทนสังคมเพื่อเข้ารับการผ่าตัดรักษา โดยทีมจักษุแพทย์ผู้ชำนาญการ ด้วยงบประมาณกว่า 1 ล้านบาท ครอบคลุมค่าใช้จ่ายตั้งแต่การตรวจวินิจฉัย การผ่าตัด การพักฟื้น ไปจนถึงการติดตามผลการรักษา จนหายเป็นปกติ โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่เกิน 300,000 บาทต่อปี และไม่มีโรคประจำตัวที่ทำให้ไม่สามารถผ่าตัดตาได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าวไปแล้ว


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ