หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) มีมติคลายล็อกดาวน์ใน 29 จังหวัดสีแดงเข้ม พร้อมกับการปรับแนวทางควบคุมใหม่เพื่อให้การใช้ชีวิตประจำวันเป็นไปด้วยความปลอดภัยเมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา
กลุ่มธุรกิจห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าที่ได้ปรับกลยุทธ์ขายสินค้ามุ่งสู่ ‘ออนไลน์’ มากขึ้น รวมถึงธุรกิจร้านค้าปลอดอากรอย่าง “คิง เพาเวอร์” ที่ต้องปรับแนวทางธุรกิจให้ยืดหยุ่นสอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันได้ตอบรับกระแสถึงการคลายล็อกดาวน์ ด้วยการวางมาตรการด้านสุขอนามัยอย่างเข้มข้นเพื่อให้ผู้บริโภคมั่นใจเมื่อเข้าใช้บริการ
ล่าสุดกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ได้เปิดให้บริการที่สาขากรุงเทพฯ ปัจจุบัน คือ ร้านค้าปลอดอากร คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และศูนย์อาหาร ไทย เทสต์ ฮับ (Thai Taste Hub) รางน้ำ ตั้งแต่เวลา 11.00-19.00 น. ในส่วนของศูนย์อาหารไทย เทสต์ ฮับ มหานคร คิวบ์ ซึ่งเป็นแม่เหล็กใหม่ย่านสาทร สีลม เปิดให้บริการตั้งแต่ 10.00-19.00 น. ส่วนสาขา ศรีวารี ที่เคยเปิดให้บริการทุกวันเสาร์ อาทิตย์ ยังไม่ให้บริการ และสาขาพัทยาและภูเก็ต เปิดให้บริการในเวลา 11.00-19.00 น.
ซึ่งนโยบายหลักของการให้บริการ คือ การเน้นย้ำมาตรการ King Power Care Power ที่ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง สร้างความเชื่อมั่นให้ผู้มาใช้บริการด้วยแนวคิด ‘Safety Shopping and Safety Services’ สำหรับทุกธุรกิจในกลุ่มบริษัทฯ โดยเน้นย้ำการปฏิบัติตามมาตรการสุขอนามัย D-M-H-T-T ของกระทรวงสาธารณสุขอย่างเข้มงวด เพื่อความปลอดภัยอย่างสูงสุดในทุกมิติ และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นสำหรับ ลูกค้า พันธมิตรธุรกิจและพนักงาน โดยเน้นย้ำให้ปฏิบัติตาม และตระหนักรู้ตามมาตรการป้องกันโควิดตามที่ภาครัฐกำหนดขึ้นมาเป็นข้อปฏิบัติสำหรับองค์กร
ในช่วงการเปิดให้บริการใหม่ครั้งนี้ “คิง เพาเวอร์” ยังตอกย้ำแคมเปญส่งเสริมการขาย ‘คุ้มทุกวัน ช้อปได้ทุกวัน’ ที่เปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าโฮมดีลิเวอรี ในราคาดิวตี้ ฟรี ได้โดยไม่ต้องมีไฟลท์บิน ที่คิง เพาเวอร์ รางน้ำ และพัทยา ซึ่งลูกค้าที่ช็อปที่สาขารางน้ำ เมื่อช็อปครบ 5,000 บาทขึ้นไป ยังสามารถรับทันทีคูปองรับประทานอาหาร Thai Taste Hub มูลค่า 300 บาท นอกจากนี้ยังให้ความคุ้มค่าที่มากขึ้นกับโปรแกรม Cash Card ที่คุ้มค่ายิ่งขึ้น
สำหรับการอำนวยความสะดวกผู้บริโภคที่ยังไม่อยากเดินทางออกจากบ้าน หรือต้องการออกจากบ้านให้น้อยที่สุดตามแนวทาง Universal Prevention ที่ป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 แบบครอบจักรวาล ยังมีช่องทางให้ลูกค้าเข้าถึงสินค้าและบริการ ด้วยบริการใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในการปรับ เพื่อขับเคลื่อนธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อได้ ภายใต้การให้บริการ ‘King Power Chat to Shop อยู่ที่ไหนก็ช็อปฟิน ไม่ต้องมีไฟลท์บิน’ และบริการ ‘King Power Call to Shop ช้อปง่าย ช้อปคุ้ม ส่งไว’ ที่หมายเลข 0-2338-7870
นายอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ กล่าวว่า การให้บริการทั้ง 2 รูปแบบ เป็นการให้บริการแบบ Service Beyond Expectation โดยลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าจากร้านคิง เพาเวอร์ ได้ง่ายๆ จากที่บ้านเหมือนมาช็อปด้วยตัวเอง ผ่านช่องทาง LINE App เพียงเพิ่มเพื่อน LINE : @KP_ChatToShop หรือ LINE : @Kingpowerofficial เพื่อสอบถามสินค้าโฮม ดีลิเวอรี โดยไม่ต้องมีไฟลต์บินเสมือนมี Personal Shopper ส่วนตัว ให้บริการแนะนำและช่วยเลือกซื้อสินค้าอย่างใกล้ชิดตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้า พร้อมจัดส่งสินค้าให้ภายใน 7 วัน
จากการเพิ่มช่องทางให้บริการใหม่ทั้ง 2 นั้น เป็นการสร้าง ‘โอกาส’ ของคิง เพาเวอร์ ในการเข้าถึงลูกค้าแบบคนต่อคน หรือเป็นการทำการตลาดแบบ One to One Marketing ซึ่งเป็นหนึ่งใน Personalized Marketing ที่สามารถเข้าถึงและเข้าใจความต้องการของลูกค้าได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้นในส่วนของลูกค้าที่เป็นสมาชิกคิง เพาเวอร์อยู่แล้ว ในขณะเดียวกันยังสามารถสร้างฐานลูกค้าใหม่ให้ได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ คิง เพาเวอร์ หรือ คิง เพาเวอร์ แอปพลิเคชัน ได้อีกเช่นกัน โดยมีโปรโมชันพิเศษให้ลูกค้าได้ซื้อสินค้าอย่างคุ้มค่าในทุกๆสัปดาห์ รวมถึงสามารถใช้รหัสพนักงาน หรือ SV CODE เป็นส่วนลดเพิ่มจากโปรโมชันตามเงื่อนไขที่กำหนดได้อีกด้วย
ทั้งหมด เป็นตัวอย่างของธุรกิจค้าปลีกที่ต้องปรับตัวให้มีความยืดหยุ่นภายใต้สถานการณ์โควิด–19 เพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ โดยมิใช่แค่การตอบโจทย์การขายสินค้าแต่ต้องตอบโจทย์สร้างความเชื่อมั่นด้านสุขอนามัยให้ผู้บริโภคยุคใหม่อีกด้วย.
วานิชหนุ่ม
wanich@thairath.co.th