นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ เปิดเผยแผนผลักดันการส่งออกปี 2564 ว่า ได้จัดทำแผนรวม 343 กิจกรรม ที่จะดำเนินการในประเทศ 135 กิจกรรม ในต่างประเทศ 208 กิจกรรม เช่น การเจรจาธุรกิจออนไลน์ หรือเจรจาการค้าในรูปแบบไฮบริด (นำสินค้าตัวอย่างไปโชว์ และเจรจาซื้อขายทางออนไลน์) และนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายในแพลตฟอร์มออนไลน์ชื่อดัง เช่น Amazon ในสิงคโปร์ และสหรัฐฯ, Lotte ในเกาหลีใต้, Tmall เครืออาลีบาบา ในจีน, Bigbasket ในอินเดีย, Khaleang.com ในกัมพูชา เป็นต้น รวมทั้งเร่งเจรจาความตกลงการค้าระหว่างประเทศผ่านการเจรจาความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ไทย-สหภาพยุโรป (อียู), เอฟทีเอไทย-สหราชอาณาจักร (ยูเค), เอฟทีเอไทย-ยูเรเซีย, เอฟทีเอไทย-เอฟต้า, เอฟทีเออาเซียน-แคนาดา และการทำข้อตกลงทางการค้า (มินิ เอฟทีเอ) เฉพาะกับมณฑล หรือรัฐ หรือเมืองของประเทศใหญ่ๆ ที่มีประชากรมากกว่าบางประเทศ เพื่อขยายการค้า การลงทุน
นอกจากนี้ กำลังจะเจรจาจบ 3 มินิเอฟทีเอ คือ ไทย-ไหหลำ ที่เราเลือกไหหลำ เพราะเป็นฮ่องกงแห่งที่ 2 ของจีน คาดว่าจะเซ็นข้อตกลงกันเร็วๆนี้, ไทย-รัฐเตลังกานา ของอินเดีย มีประชากรมากกว่าไทย มีธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ ที่อินเดียกำลังมีนโยบายทุกคนต้องมีบ้าน ต้องการวัสดุอุปกรณ์ เซ็นวันที่ 18 ม.ค.2564 และไทย-คยองกี ซึ่งเป็นจังหวัดอุตสาหกรรมของเกาหลีใต้ มีคนเอเชีย อาเซียนมาก ต้องการสินค้าไทย ที่รอลงนามในอนาคต โดยการส่งออกในปีนี้ คาดว่าตลอดทั้งปีนี้จะติดลบ 7% และปีหน้าจะบวกได้ 4%
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เดือน ม.ค.-ต.ค. ไทยส่งออกสินค้าเกษตร (กสิกรรม ประมง และปศุสัตว์) ไปประเทศที่ไทยมีเอฟทีเอ รวม 13 ฉบับ 18 ประเทศ อาทิ อาเซียน ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อินเดีย มีมูลค่ารวม 12,289 ล้าน เหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 0.3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา คิดเป็น 70.5% ของมูลค่าการส่งออกสินค้าเกษตรของไทยไปตลาดโลก.