ในแวดวงคนทำธุรกิจ ใครๆก็อยากที่จะ ดำเนินธุรกิจให้เติบโต ประสบความสำเร็จกันทั้งนั้น
โดยส่วนมากก็จะมุ่งหวังก้มหน้าก้มตาทำธุรกิจโดยมีจุดหมายคือทำกำไรให้งอกเงย รักษายอดขาย สร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ธุรกิจดำรงคงอยู่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่นต่อไป
แต่ยุคปัจจุบันนี้ การจะทำธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน คงจะมาหวังเพียงแค่หาโอกาสทำกำไรเข้าบริษัทอย่างเดียวคงเป็นไปได้ยาก เนื่องด้วยการทำธุรกิจสมัยนี้ต้องมีใจคิดถึงโลกรวมถึงสังคมรอบข้าง
Business On My Way สัปดาห์นี้ขอพาไปรู้จักหนึ่งในบริษัทที่ทำธุรกิจจนเติบโต แต่สิ่งที่บริษัทนี้ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการบริหารธุรกิจ คือ การตอบแทนคืนให้กับสังคม นั้นคือ “กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์” ที่วันนี้มี “คุณต๊อบ” (อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา) เป็นผู้คุมบังเหียนนำทัพ
คุณต๊อบเล่าว่า กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มีความใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อมที่ทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ และร่วมรณรงค์ให้ช่วยกันลด ละ การทำลายธรรมชาติ โดยบริษัทตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม จึงได้สนับสนุนสินค้าไทยที่ใช้สีธรรมชาติที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมาแล้ว จำนวน 3 คอลเลกชัน และล่าสุดกับคอลเลกชันที่ 4 “คอลเลกชัน From Leaves to Lively Thai Dye Collection”
ซึ่งเกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ภายใต้โครงการกิจกรรมเพื่อสังคม คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ พลังคนไทย ด้านชุมชน, สโมสร ฟุตบอลเลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งเราเป็นเจ้าของ และชุมชนบ้านคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช นับเป็นปีที่ 3 ที่เราได้นำสินค้าชุมชนมาอวดสายตาชาวโลกอีกครั้ง
“ในคอลเลกชันล่าสุดนี้ ไฮไลต์อยู่ที่เหล่านักเตะจิ้งจอกสยาม ได้สวมใส่ชุดแจ็กเกตรุ่นพิเศษ ลงไปในสนาม ก่อนที่เกมการแข่งขันคู่บิ๊กแมตช์ ในวัน บ็อกซิ่ง เดย์ (Boxing Day) ระหว่าง เลสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้าน คิง เพาเวอร์ สเตเดียม พบกับลิเวอร์พูล ซึ่งถือเป็นการเปิดตัว และโชว์สินค้าไทยสู่สายตาคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี”
คุณต๊อบเล่าว่า เสื้อแจ็กเกตดังกล่าวเป็นการ Collaborate เทคนิคการย้อมสีระหว่างทางใต้จากชุมชนคีรีวง จ.นครศรีธรรมราช (สีเหลืองทองช่วงล่าง) และทางเหนือจากชุมชนตะเคียนปม จ.ลำพูน (สีฟ้าครามช่วงบน) ปักโลโก้สโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ที่อกซ้าย พร้อมปักรูปธงชาติไทยที่แขนข้างซ้าย และธงชาติอังกฤษที่แขนข้างขวา ซึ่งส่วนตัวผมมองว่าเป็นการนำพาความเป็นไทยไปสู่สากลตามเป้าหมายของกลุ่มบริษัท
“กลุ่ม คิง เพาเวอร์ ตั้งใจผลิตคอลเลกชันพิเศษจากฝีมือคนไทยทุกปี หมุนเวียนเปลี่ยนชุมชนไปตามภาคต่างๆ เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ดีไซน์ใหม่ๆน่าสะสม โดยบริษัทจะเข้ามาสนับสนุนชาวบ้าน ในเรื่องของการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ ช่วยกันคิด ช่วยกันออกแบบ พัฒนาสินค้าให้ตรงใจ
ผู้บริโภค และตอบโจทย์กับตลาดต่างประเทศ เพื่อสานต่อเจตนารมณ์ในการช่วยเหลือชุมชน ให้สามารถ สร้างอาชีพได้อย่างยั่งยืนจากความถนัดของตัวเอง”
สำหรับสินค้าในคอลเลกชัน 4 นี้ ทำจากผ้ามัดย้อมสีธรรมชาติทั้งหมด เป็นการย้อมสีผ้าทั้งผืน และเสื้อผ้าสำเร็จรูป โดยใช้เทคนิคการมัด หรือพับด้วยวัสดุที่มีความทนทาน อย่างแผ่นไม้ ก้อนหิน แล้วมัดด้วยเชือกฟาง เชือกกล้วย หรือหนังยางให้แน่นเพื่อกันสีซึมผ่าน จากนั้นจึงนำไปย้อมสีธรรมชาติตามต้องการ ออกมาเป็น 4 สีหลัก ได้แก่ สีเทาอมน้ำเงิน จากใบคราม, สีส้มอมชมพู จากใบมังคุด, สีเหลือง จากใบหูกวาง และสีน้ำตาลอ่อน จากฝักสะตอ
ออกมาเป็นสินค้าทั้งเสื้อยืดแขนสั้น-แขนยาว เสื้อเชิ้ต หมวก กระเป๋าสะพายหูรูด กระเป๋าสะพายไหล่ กระเป๋าใส่เอกสาร ลูกบอล และพวงกุญแจ รวม 17 แบบ
คุณต๊อบเล่าว่า สำหรับกรรมวิธีการทำประกอบ ด้วยอาทิ 1.การเตรียมน้ำด่าง ซึ่งทางบ้านคีรีวงใช้น้ำด่าง 2 ชนิด คือ น้ำด่างขี้เถ้าจากการเผาไม้ยางพารา และน้ำด่างขี้เถ้าจากเปลือกหอยแครงเผา 2.การเตรียมน้ำย้อมสี โดยนำส่วนต่างๆของพืช เช่น ใบไม้ เปลือกไม้ แก่นไม้ ดอกไม้ มาต้มไว้ 5-8 ชั่วโมง กรองเฉพาะน้ำสี เพื่อนำไปมัดย้อม 3.การฟอกผ้า โดยนำผ้าฝ้ายมาฟอกก่อน โดยต้มกับน้ำเปล่า หรือน้ำด่าง แล้วซักด้วยน้ำเปล่าบิดพอหมาด เพื่อนำไปมัดลายต่อ
4.การมัดลายมีเทคนิคที่ใช้ 3 วิธี อาทิ วิธีที่ 1 การมัดแล้วพับ เป็นการพับผ้าให้เป็นรูปต่างๆ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ผลที่ได้คือลวดลายที่มีลักษณะด้านซ้ายและขวามีความใกล้เคียงกัน วิธีที่ 2 การขยำแล้วมัด เป็นการขยำผ้าอย่างไม่ตั้งใจ แล้วมัดด้วยยางหรือเชือก ลวดลายที่ได้จะเป็นลวดลายอิสระ 5.การย้อมเป็นการนำผ้าที่มัดลายแล้วไปต้มกับน้ำสีที่เตรียมไว้ 3 ชั่วโมง โดยใช้เตาไร้ควันและทุก 1 ชั่วโมง นำผ้ามัดย้อมล้างในน้ำด่าง หรือน้ำขี้เถ้า หรือน้ำโคลนแดง หรือน้ำปูน แล้วย้อมสีอีกครั้ง เมื่อย้อมเสร็จ นำไปผึ่งในที่ร่ม แล้วเข้าสู่กระบวนการตัดเย็บต่อไป
อย่างไรก็ตาม สินค้าคอลเลกชันนี้ พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันนี้ ณ เดอะ ซิตี้ แฟนสโตร์ แอท คิง เพาเวอร์ สเตเดียม เมืองเลสเตอร์ ประเทศอังกฤษ, คิง เพาเวอร์ สาขารางน้ำ, พัทยา, ศรีวารี, ภูเก็ต, คิง เพาเวอร์ มหานคร และภายในสนามบินดอนเมือง, สนามบิน สุวรรณภูมิ, สนามบินภูเก็ต และสนามบินอู่ตะเภา.