สศค.เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วไปนิด

Business & Marketing

Marketing

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

สศค.เสนอแผนกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วไปนิด

Date Time: 4 มิ.ย. 2562 08:20 น.

Summary

  • สศค.เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ใช้ยาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจอีก เล็งอัดฉีดกลุ่มผู้บริโภคชั้นกลางต่อยอดเงินเพื่อการท่องเที่ยวคนละ 1,500 บาทอีก ถึงจะโดนด่าระงมมาแล้วก็ยังไม่เข็ด

Latest

รอบรั้วการตลาด : CSA จับมือ VNS พัฒนาอสังหาฯ รับการเติบโตอุตสาหกรรมไทย

ปัดฝุ่นแจกเงิน 1,500 บาทเที่ยวฟรีทั่วไทย

สศค.เตรียมเสนอรัฐบาลใหม่ใช้ยาแรงกระตุ้นเศรษฐกิจอีก เล็งอัดฉีดกลุ่มผู้บริโภคชั้นกลางต่อยอดเงินเพื่อการท่องเที่ยวคนละ 1,500 บาทอีก ถึงจะโดนด่าระงมมาแล้วก็ยังไม่เข็ด

นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มอบหมายให้แต่ละสาขาของ สศค.ติดตามภาวะเศรษฐกิจในช่วงนี้อย่างใกล้ชิด และไปดูว่าควรจะมียาแรงที่กระตุ้นเศรษฐกิจอีกได้หรือไม่ เพื่อเตรียมเสนอรัฐบาลใหม่

โดยมาตรการที่คาดว่าจะนำมาใช้และเห็นผลเร็วที่สุดคือ มาตรการ กระตุ้นการบริโภค ซึ่งจะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจได้รวดเร็วที่สุด เพราะจะทำให้คนในประเทศหันมาใช้เงินจับจ่ายซื้อของกันมากขึ้นโดยเฉพาะกลุ่มคนชั้นกลางที่มีกำลังซื้อ อย่างไรก็ตาม การนำมาตรการใดๆมาใช้นั้น อาจต้องดูว่าภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นด้วยว่าเป็นอย่างไร และควรจะใช้มาตรการใดถึงจะเหมาะสมมากที่สุด

นายลวรณกล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นบริโภคสำหรับกลุ่มผู้มีรายได้น้อยไปแล้ว ซึ่งเงินที่ใส่ลงไปในกลุ่มนี้ ถูกนำไปใช้ทั้งหมด และไม่มีการต่อยอดของเงิน อาทิ รัฐบาลให้เงินไป 100 บาท ผู้มีรายได้น้อยก็ใช้จ่าย 100 บาท ไม่ควักเงินใช้จ่ายเพิ่มเติมจากจำนวนเงินที่รัฐบาลให้มา เนื่องจากมีกำลังในการซื้อเท่านี้ แต่ถ้าเป็นกลุ่มชนชั้นกลาง เช่น ก่อนหน้านี้เคยมีแนวคิดแจกเงินท่องเที่ยวคนละ 1,500 บาทหนึ่งครอบครัวมีพ่อ และแม่ ก็จะได้รับเงิน 3,000 บาท ซึ่งถ้าไปเที่ยวทั้งครอบครัว อาจต้องควักเงินมาใช้จ่ายเพิ่มอีก 5,000 บาท เพราะเงิน 3,000 บาท อาจไม่เพียงพอ

สำหรับใช้จ่ายท่องเที่ยวทั้งครอบครัว ซึ่งกระทรวงการคลังอยากเห็นมาตรการในลักษณะนี้ คือ อยากให้เอกชน ประชาชน เข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย ไม่ใช่ใช้เงินรัฐบาลเพียงอย่างเดียว

“เรื่องท่องเที่ยวแค่ยกตัวอย่าง ยังไม่ใช่ข้อสรุป ขณะนี้ยังคงไม่สรุปว่าจะใช้มาตรการใด เพราะต้องการให้หน่วยงานของ สศค.ไปทำการบ้านมาก่อน รวมถึงต้องดูเงินในกระเป๋าของรัฐบาลด้วย และต้องประเมินภาวะเศรษฐกิจ สถานการณ์สงครามการค้าว่าจะเป็นอย่างไร การส่งออกเป็นอย่างไร หลังจากนั้นจะมาพิจารณา อีกที เพื่อเตรียมไว้เพื่อเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่และรัฐบาลใหม่”

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังยังประมาณการณ์ เศรษฐกิจปีนี้อยู่ที่ 3.8% และการส่งออกโตอยู่ที่ 3.4% ซึ่งสูงกว่าที่สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินไว้ว่าเศรษฐกิจปีนี้โต 3.6% ส่งออกโต 2.2% เนื่องจากคลังประเมินตัวเลขไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม สศค.ขอติดตามตัวเลขในเดือน พ.คและ มิ.ย.นี้ ก่อนปรับประมาณการอีกครั้งในเดือน ก.ค.นี้

“สำหรับเรื่องส่งออกนั้นคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยต้องดูว่าสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกาจะจบลงอย่างไร โดยผู้นำจีน และสหรัฐฯจะมีการพบปะหารือกันในการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศพัฒนาและเศรษฐกิจเกิดใหม่หรือจี 20 ช่วงปลายเดือน มิ.ย.นี้ คาดหวังว่าจะมีสัญญาณที่ดีจากการประชุมดังกล่าว และหากสงครามการค้าคลี่คลายก็จะส่งผลดีต่อการส่งออกของไทยด้วย”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในปีงบประมาณ 2562 รัฐบาลได้ใช้วงเงินงบประมาณแบบกึ่งการคลัง หรือการกู้เงินจากสถาบันการเงินของรัฐ เพื่อนำมาใช้จ่ายตามนโยบายของรัฐบาล ไปแล้ว 28% จากงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2562 ซึ่งตั้งไว้ 3 ล้านล้านบาท ซึ่งเกือบจะเต็มเพดานที่กำหนด 30% ของงบประมาณแล้ว อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของการใช้งบประมาณกึ่งการคลัง ทำให้กระทรวงการคลัง เกิดความกังวลถึงวินัยการคลังของรัฐบาล.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ